ททท.จับมือเมืองฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่นหนุนท่องเที่ยวระหว่างกัน เล็งฟื้นตลาดนักเรียนหลังถูกการเมืองซัดร่วงนานหลายปี ด้านสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่นยันต้องทำการตลาดแบบถึงตัว ที่ผ่านมา ททท.โปรยเม็ดเงินโรดโชว์เยอะไป
นายสรรเสริญ เงารังสี รองผู้ว่าการตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า จะใช้โอกาสที่การบินไทยเปิดเที่ยวบินกรุงเทพฯ-ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนตุลาคมศกนี้ จึงร่วมลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) กับเมืองฮอกไกโดเพื่อที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน เพราะช่วงเวลาดังกล่าวเป็นฤดูหนาวของญี่ปุ่น จึงนิยมหนีหนาวมาอยู่ในเมืองที่อากาศอบอุ่นอย่างประเทศไทย ทำให้เส้นทางบินที่กำลังจะเปิดนี้มีรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาจองเดินทางล่วงหน้าแล้วถึง 70% ของอัตราบรรทุกต่อเที่ยว (โหลดแฟกเตอร์) จึงถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าช่วงเวลาดังกล่าวชาวญี่ปุ่นจะเดินทางเข้ามาประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น
สำหรับแผนการตลาดของ ททท.ในตลาดญี่ปุ่นนับจากนี้ไปตลอดปีงบประมาณ 2556 เตรียมเรียกความมั่นใจในกลุ่มเป้าหมายนักเรียนญี่ปุ่นให้กลับมา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเดินทางเข้ามามากแต่หายไปช่วงเกิดปัญหาการเมืองของไทยติดต่อกันหลายปี คาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปีที่จะฟื้นตลาดนักเรียนให้กลับมาเหมือนเดิม มีสัดส่วนอย่างน้อย 10% จากนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่มาไทย ซึ่งปี 2554 จำนวนชาวญี่ปุ่นมาไทยประมาณ 1.1 ล้านคน แบ่งเป็น 40% เป็นเพศชาย 30% เป็นสุภาพสตรี 30% และ 20% เป็นนักธุรกิจ ปี 2555 ตั้งเป้าหมาย 1.2 ล้านคน
เดสติเนชันที่ ททท.จะโปรโมต ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี นครปฐม นครนายก และเขาใหญ่ เนื่องจากเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ศาสนา และธรรมชาติ เหมาะที่จะเที่ยวเชิงทัศนศึกษา
“นักท่องเที่ยวเยาวชนเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่มีการใช้จ่ายสูงเฉลี่ย 5 พันบาทต่อคนต่อวัน พักเฉลี่ย 4 คืน 5 วัน ส่วนกลุ่มอื่นจะยังเน้นกลุ่มสุภาพสตรี และวัยทำงาน เพราะเป็นกลุ่มใหญ่มีสัดส่วนรวมกันมากถึง 70% และเป็นนักท่องเที่ยวที่เคยมา (รีพีเตอร์) ซึ่ง ททท.ต้องรักษา พร้อมกับขยายฐานกลุ่มต่างๆ ให้เพิ่มขึ้นเพื่อถึงเป้าหมาย 1.2 ล้านคนในปี 2555 นี้” นายสรรเสริญกล่าว
ทางด้านนายอเนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น กล่าวว่า ต้องการให้ ททท.ศึกษาพฤติกรรมนักท่องเที่ยวในแต่ละตลาดก่อนจะใช้เงินทำการตลาด เพราะหากเป็นตลาดญี่ปุ่นต้องเน้นการโฆษณาเจาะเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายให้ได้รับรู้ถึงสินค้าทางการท่องเที่ยว เพราะตลาดนี้นักท่องเที่ยวเป็นผู้ตัดสินใจในการเดินทาง ซึ่งต่างจากประเทศจีนที่เน้นทำกิจกรรมร่วมกับบริษัทนำเที่ยวได้ เพราะรัฐบาลยังมีอิทธิพลต่อการเดินทางของชาวจีน
“เคยเสนอ ททท.ไปหลายครั้ง ขอให้ประชาสัมพันธ์เจาะถึงตัวผู้บริโภค แต่ได้คำตอบว่าไม่มีงบประมาณ แต่ยังคงร่วมงานเทรดโชว์และโรดโชว์ในประเทศญี่ปุ่นตามปกติ ซึ่งผลที่ได้อาจนำไปสู่การเจาะกลุ่มลูกค้าไม่ได้แน่นอน”
สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวจากประเทศญี่ปุ่นช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ก.ค. 55) เติบโตกว่า 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ใกล้กลับสู่ช่วงปกติก่อนเกิดสึนามิ ส่วนการทำตลาดของ ททท.ยังให้ความสำคัญต่อการโรดโชว์ แทนที่จะนำงบที่มีทำโฆษณาเจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย
นายอเนกยังกล่าวถึงตลาดคนไทยเดินทางไปต่างประเทศด้วยว่า ปัจจุบันการเดินทางของคนไทยเริ่มมีความหลากหลายในการเดินทางไปเดสติเนชันปลายทางมากขึ้น อย่างประเทศที่คนไทยเริ่มสนใจเดินทางไป ได้แก่ อินโดนีเซีย จะเน้นเมืองสำคัญ อย่างบาหลี จาการ์ตา, มาเลเซีย ไปเมืองซาบา ส่วนเดสติเนชันเดิมอย่างจีนก็จะเน้นเข้าไปเมืองใหม่ๆ ซึ่งมีชาร์เตอร์ไฟลต์มาลงประเทศไทย ก็มารับขนคนออกไปเที่ยวด้วย เช่น เมืองกุ้ยโจว กุ้ยหลิน และเจินโจว เป็นต้น
