CENTEL สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง รายได้รวมไตรมาส 2/2555 เพิ่มขึ้น 34.6% โดยมีกำไรสุทธิไตรมาสสอง 163.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.4% และมีรายได้รวมครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 29.5% โดยมีกำไรสุทธิ 729.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.4%
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 2/2555 เป็นการสร้างสถิติใหม่อีกครั้งที่บริษัทฯ มีรายได้รวมมากกว่า 3,000 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 3,541.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 909.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 2/2554 : 2,631.8 ล้านบาท) แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 1,380.1 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอาหาร 2,161.3 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและรายได้จากธุรกิจอาหารเท่ากับ 39:61 (ไตรมาส 2/2554 = 40:60)
ธุรกิจโรงแรมมีรายได้รวม 1,380.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 330.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 64.8% เพิ่มขึ้น 6.7% (ไตรมาส 2/2554: 58.1%)
รายได้ของธุรกิจโรงแรมที่เพิ่มขึ้นมาจากผลการดำเนินงานที่ดีของโรงแรม 3 แห่ง คือ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 93.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.8 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ มียอดขายเพิ่มขึ้น 67.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.1 และโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท ภูเก็ต มียอดขายเพิ่มขึ้น 42.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจอาหาร มีรายได้รวม 2,161.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 578.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.6 เป็นผลจากการขยายสาขา การส่งเสริมการขาย รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง จำนวนสาขา ณ สิ้นไตรมาส 2/2555 มี 634 สาขา เพิ่มขึ้น 115 สาขา (ไตรมาส 1/2554 : 519 สาขา) โดยมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth) เท่ากับ 10.9% เช่นเดียวกับไตรมาส 2/2554 อัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales Growth) เท่ากับ 36.2% (ไตรมาส 2/2554 : 19%) ซึ่งการเติบโตของธุรกิจอาหารเกิดจากอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขาของแบรนด์หลัก ดังนี้ เคเอฟซี 21.6%, มิสเตอร์ โดนัท 18.9% อานตี้แอนส์ 29.1% ชาบูตง 75.2% เปปเปอร์ลันช์ 43.6% และโอโตยะซึ่งเพิ่งซื้อกิจการเมื่อเดือนกันยายน 2554
ผลการดำเนินงานที่ดีทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร ทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) สำหรับไตรมาส 2/2555 มีจำนวน 665.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.9 และมีกำไรสุทธิ 163.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 285.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2555 รายได้รวมทั้งหมด กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อม (EBITDA) ตลอดจนกำไรสุทธิ ต่างเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีทั้งสองไตรมาส โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 7,267.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,636.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ครึ่งปีแรก 2554 : 5,631.1 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,204.7 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอาหาร 4,062.5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและรายได้จากธุรกิจอาหาร 44:56 (ครึ่งปีแรก 2554 = 46:54)
ธุรกิจโรงแรมมีรายได้รวม 3,204.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 635.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70% เพิ่มขึ้น 5.6% (ครึ่งปีแรก 2554 : 64.4%) ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดีของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ และโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท ภูเก็ต มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 ร้อยละ 39 และร้อยละ 33 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทางด้านธุรกิจอาหาร ครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 4,062.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,000.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth) เท่ากับ 7.4% (ครึ่งปีแรก 2554 : 14.2%) อัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales Growth) เท่ากับ 32.2% (ครึ่งปีแรก 2554 : 21.1%) ซึ่งการเติบโตของธุรกิจอาหารเกิดจากอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขาของแบรนด์หลัก ดังนี้ เคเอฟซี 19.5%, มิสเตอร์ โดนัท 8.7% อานตี้แอนส์ 22.0% ชาบูตง 87.4% เปปเปอร์ลันช์ 48.2% และโอโตยะซึ่งเพิ่งซื้อกิจการเมื่อเดือนกันยายน 2554
กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เท่ากับ 1,718.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 406.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกเท่ากับ 729.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“เราได้สร้างสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยมีรายได้รวมไตรมาส 2/2555 เพิ่มขึ้น 34.6% โดยมีกำไรสุทธิไตรมาสสอง 163.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.4% และมีรายได้รวมครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 29.5% โดยมีกำไรสุทธิ 729.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.4% และสำหรับครึ่งปีหลังของปี 2555 นี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นผลักดันธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารให้มีการเติบโตต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง” นายสุทธิเกียรติกล่าว
นายสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไตรมาส 2/2555 เป็นการสร้างสถิติใหม่อีกครั้งที่บริษัทฯ มีรายได้รวมมากกว่า 3,000 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 3,541.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 909.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 34.6 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน (ไตรมาส 2/2554 : 2,631.8 ล้านบาท) แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 1,380.1 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอาหาร 2,161.3 ล้านบาท สัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและรายได้จากธุรกิจอาหารเท่ากับ 39:61 (ไตรมาส 2/2554 = 40:60)
ธุรกิจโรงแรมมีรายได้รวม 1,380.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 330.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 31.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 64.8% เพิ่มขึ้น 6.7% (ไตรมาส 2/2554: 58.1%)
รายได้ของธุรกิจโรงแรมที่เพิ่มขึ้นมาจากผลการดำเนินงานที่ดีของโรงแรม 3 แห่ง คือ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมียอดขายเพิ่มขึ้น 93.0 ล้านบาท หรือร้อยละ 39.8 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ มียอดขายเพิ่มขึ้น 67.5 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.1 และโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท ภูเก็ต มียอดขายเพิ่มขึ้น 42.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ธุรกิจอาหาร มีรายได้รวม 2,161.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 578.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 36.6 เป็นผลจากการขยายสาขา การส่งเสริมการขาย รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง จำนวนสาขา ณ สิ้นไตรมาส 2/2555 มี 634 สาขา เพิ่มขึ้น 115 สาขา (ไตรมาส 1/2554 : 519 สาขา) โดยมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth) เท่ากับ 10.9% เช่นเดียวกับไตรมาส 2/2554 อัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales Growth) เท่ากับ 36.2% (ไตรมาส 2/2554 : 19%) ซึ่งการเติบโตของธุรกิจอาหารเกิดจากอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขาของแบรนด์หลัก ดังนี้ เคเอฟซี 21.6%, มิสเตอร์ โดนัท 18.9% อานตี้แอนส์ 29.1% ชาบูตง 75.2% เปปเปอร์ลันช์ 43.6% และโอโตยะซึ่งเพิ่งซื้อกิจการเมื่อเดือนกันยายน 2554
ผลการดำเนินงานที่ดีทั้งในส่วนของธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหาร ทำให้กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) สำหรับไตรมาส 2/2555 มีจำนวน 665.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 212.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.9 และมีกำไรสุทธิ 163.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 121.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 285.4 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก 2555 รายได้รวมทั้งหมด กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อม (EBITDA) ตลอดจนกำไรสุทธิ ต่างเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลมาจากผลการดำเนินงานที่ดีทั้งสองไตรมาส โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 7,267.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,636.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (ครึ่งปีแรก 2554 : 5,631.1 ล้านบาท) โดยแบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,204.7 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจอาหาร 4,062.5 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมและรายได้จากธุรกิจอาหาร 44:56 (ครึ่งปีแรก 2554 = 46:54)
ธุรกิจโรงแรมมีรายได้รวม 3,204.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 635.3 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตราการเข้าพักเฉลี่ย 70% เพิ่มขึ้น 5.6% (ครึ่งปีแรก 2554 : 64.4%) ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่ดีของโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และศูนย์ประชุมบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลลาดพร้าว กรุงเทพฯ และโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์บีช รีสอร์ท ภูเก็ต มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 41 ร้อยละ 39 และร้อยละ 33 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทางด้านธุรกิจอาหาร ครึ่งปีแรกมีรายได้รวม 4,062.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,000.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 32.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตจากสาขาเดิม (Same-Store-Sales Growth) เท่ากับ 7.4% (ครึ่งปีแรก 2554 : 14.2%) อัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขา (Total-System-Sales Growth) เท่ากับ 32.2% (ครึ่งปีแรก 2554 : 21.1%) ซึ่งการเติบโตของธุรกิจอาหารเกิดจากอัตราการเติบโตของยอดขายรวมทุกสาขาของแบรนด์หลัก ดังนี้ เคเอฟซี 19.5%, มิสเตอร์ โดนัท 8.7% อานตี้แอนส์ 22.0% ชาบูตง 87.4% เปปเปอร์ลันช์ 48.2% และโอโตยะซึ่งเพิ่งซื้อกิจการเมื่อเดือนกันยายน 2554
กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เท่ากับ 1,718.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 406.8 ล้านบาท หรือร้อยละ 31.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิสำหรับครึ่งปีแรกเท่ากับ 729.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
“เราได้สร้างสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง โดยมีรายได้รวมไตรมาส 2/2555 เพิ่มขึ้น 34.6% โดยมีกำไรสุทธิไตรมาสสอง 163.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 285.4% และมีรายได้รวมครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 29.5% โดยมีกำไรสุทธิ 729.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.4% และสำหรับครึ่งปีหลังของปี 2555 นี้บริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นผลักดันธุรกิจโรงแรมและธุรกิจอาหารให้มีการเติบโตต่อไป และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสร้างสถิติใหม่อีกครั้ง” นายสุทธิเกียรติกล่าว