กรมทางหลวงเตรียมขยายการสแกนสำรวจโพรงใต้ถนนที่ถูกน้ำท่วมหนักเพิ่ม หวั่นซ้ำรอย เล็ง ถ.สุวินทวงศ์ และงามวงศ์วานก่อน "ชัชชาติ" เร่งคุมซ่อมคอสะพาน ถ.แจ้งวัฒนะ ยันเสร็จ 6โมงเย็นวันนี้
นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า การซ่อมแซมคอสะพานถนนแจ้งวัฒนะที่ยุบตัวจะแล้วเสร็จก่อนเที่ยงคืนวันนี้ (4 ส.ค.) แน่นอน และหลังจากนี้จะขยายการสแกนเพื่อสำรวจคอสะพานถนนอื่นๆ ของ ทล.ที่ถูกน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เช่น ถนนสุวินทวงศ์ ถนนงามวงศ์วาน เป็นต้น โดยใช้เครื่องสแกนคอสะพานซึ่งจะต้องให้นักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญอ่านค่าที่ออกมาว่าด้านล่างเป็นโพรงหรือไม่
โดยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2555 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ตรวจพื้นที่บริเวณถนนแจังวัฒนะช่วงคอสะพานฝั่งขาเข้าที่เกิดการทรุดตัวเป็นหลุมลึก 1.5 เมตร กว้าง 3 เมตร โดยกล่าวว่า ได้ให้กรมทางหลวง (ทล.) เร่งรัดการซ่อมแซมซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 18.00 น. หรืออย่างช้าก่อนเวลา 24.00 น.คืนนี้ (4 ส.ค.) แน่นอน โดยจุดดังกล่าวนอกจากถูกน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 แล้ว ก่อนหน้านั้นยังได้รับผลกระทบจากท่อประปาแตกด้วย จึงเป็นสาเหตุให้ทรายด้านล่างถูกพัดออกไปจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทางกรมทางหลวงได้นำเครื่องสแกนเพื่อตรวจสอบคอสะพานอีก 3 จุด คือ ฝั่งขาเข้า 1 จุด และฝั่งขาออก 2 จุดเพื่อดูปริมาณทรายด้านล่างว่าหายไปหรือไม่ โดยเบื้องต้นยังไม่พบปัญหาใดๆ นอกจากนี้ให้กรมทางหลวงสแกนสำรวจคอสะพานของถนนเส้นอื่นๆ ที่ถูกน้ำท่วมหนักเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงถนนที่มีรถบรรทุกหนักวิ่งผ่านด้วย
นายวันชัย ภาคลักษณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยว่า การซ่อมแซมคอสะพานถนนแจ้งวัฒนะที่ยุบตัวจะแล้วเสร็จก่อนเที่ยงคืนวันนี้ (4 ส.ค.) แน่นอน และหลังจากนี้จะขยายการสแกนเพื่อสำรวจคอสะพานถนนอื่นๆ ของ ทล.ที่ถูกน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เช่น ถนนสุวินทวงศ์ ถนนงามวงศ์วาน เป็นต้น โดยใช้เครื่องสแกนคอสะพานซึ่งจะต้องให้นักวิชาการที่มีความเชี่ยวชาญอ่านค่าที่ออกมาว่าด้านล่างเป็นโพรงหรือไม่
โดยเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2555 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ตรวจพื้นที่บริเวณถนนแจังวัฒนะช่วงคอสะพานฝั่งขาเข้าที่เกิดการทรุดตัวเป็นหลุมลึก 1.5 เมตร กว้าง 3 เมตร โดยกล่าวว่า ได้ให้กรมทางหลวง (ทล.) เร่งรัดการซ่อมแซมซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเวลา 18.00 น. หรืออย่างช้าก่อนเวลา 24.00 น.คืนนี้ (4 ส.ค.) แน่นอน โดยจุดดังกล่าวนอกจากถูกน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 แล้ว ก่อนหน้านั้นยังได้รับผลกระทบจากท่อประปาแตกด้วย จึงเป็นสาเหตุให้ทรายด้านล่างถูกพัดออกไปจำนวนมาก
ทั้งนี้ ทางกรมทางหลวงได้นำเครื่องสแกนเพื่อตรวจสอบคอสะพานอีก 3 จุด คือ ฝั่งขาเข้า 1 จุด และฝั่งขาออก 2 จุดเพื่อดูปริมาณทรายด้านล่างว่าหายไปหรือไม่ โดยเบื้องต้นยังไม่พบปัญหาใดๆ นอกจากนี้ให้กรมทางหลวงสแกนสำรวจคอสะพานของถนนเส้นอื่นๆ ที่ถูกน้ำท่วมหนักเมื่อปลายปีที่ผ่านมา รวมถึงถนนที่มีรถบรรทุกหนักวิ่งผ่านด้วย