“โตชิบา” รุกหนักกลุ่มทีวี หวังใช้ฟุตบอลยูโรและโอลิมปิกดันยอดขาย ทุ่มงบตลาดกลุ่มเอวี 150 ล้านบาทลุยทั้งปี เป้าหมายขยับแชร์กลุ่มทีวีเป็น 20% จาก 16%
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมโทรทัศน์แอลซีดีและแอลอีดีในปีนี้คาดว่าจะมีมากถึง 2 ล้านเครื่อง หรือมีการเติบโตมากกว่า 25% จากตลาดรวมปีที่แล้วที่มีประมาณ 1.6 ล้านเครื่อง โดยมากกว่า 50% จะเป็นตลาดของแอลอีดีทีวี ขณะที่ตลาดรวมทีวีในเมืองไทยทุกประเภทจะมีประมาณ 3 ล้านเครื่อง
โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนรุกตลาดทั้งแอลอีดี และแอลซีดีทีวีมากขึ้น ด้วยงบประมาณรวมในกลุ่มเอวีหรือผลิตภัณฑ์ภาพและเสียงมากกว่า 150 ล้านบาท จากงบประมาณตลาดรวมทั้งบริษัทฯ ปีนี้ที่ 500 ล้านบาท เพื่อผลักดันการเติบโตกลุ่มทีวีให้ได้มากถึง 30% เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดภาพและเสียง จากปัจจุบันติดอันดับท็อปทรี มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 16% เพิ่มเป็น 20% ในสิ้นปีนี้ในกลุ่มแอลซีดี ทั้งการทำบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์ การโฆษณาส่งเสริมการขาย การตกแต่งหน้าร้านใหม่ สร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้านกลยุทธ์ช่องทางจำหน่ายมุ่งพัฒนาทั้งกลุ่มตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศควบคู่ไปกับการขยายช่องทางในกลุ่มโมเดิร์นเทรด รวมทั้งร้านค้าระดับชุมชน ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายทำการตลาดร่วมกัน
โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันกีฬาใหญ่ 2 งานปีนี้ทั้งฟุตบอลยูโร และโอลิมปิก จะช่วยผลักดันให้ตลาดทีวีเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดตัวหนังโฆษณาในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร การทำตลาดสปอร์ตมาร์เกตติ้งในกีฬาหลากหลายประเภท
นอกจากนั้นจะมีการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด โดยในส่วนของแอลอีดีทีวีจะออกรุ่นใหม่เพิ่มเป็น 18 รุ่นจากเดิมมี 8 รุ่น ส่วนแอลซีดีทีวีจะลดจำนวนจาก 9 รุ่นเหลือ 4 รุ่น
สำหรับหัวหอกในการรุกตลาดจากนี้คือ ทีวี 3 มิติ 3D Glasses-Free RZ1T ซีรีส์ ขนาด 55 นิ้ว ราคาประมาณ 400,000 บาท ซึ่งเป็นทีวี 3 มิติที่ไม่ต้องใช้แว่น 3D Smart TV VL20T ซีรีส์ ขนาด 46 และ 40 นิ้ว และ ECO LED TV PB200 ซีรีส์ ขนาด 23 และ 32 และ 40 นิ้ว
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรวมโทรทัศน์แอลซีดีและแอลอีดีในปีนี้คาดว่าจะมีมากถึง 2 ล้านเครื่อง หรือมีการเติบโตมากกว่า 25% จากตลาดรวมปีที่แล้วที่มีประมาณ 1.6 ล้านเครื่อง โดยมากกว่า 50% จะเป็นตลาดของแอลอีดีทีวี ขณะที่ตลาดรวมทีวีในเมืองไทยทุกประเภทจะมีประมาณ 3 ล้านเครื่อง
โดยในปีนี้บริษัทฯ มีแผนรุกตลาดทั้งแอลอีดี และแอลซีดีทีวีมากขึ้น ด้วยงบประมาณรวมในกลุ่มเอวีหรือผลิตภัณฑ์ภาพและเสียงมากกว่า 150 ล้านบาท จากงบประมาณตลาดรวมทั้งบริษัทฯ ปีนี้ที่ 500 ล้านบาท เพื่อผลักดันการเติบโตกลุ่มทีวีให้ได้มากถึง 30% เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดภาพและเสียง จากปัจจุบันติดอันดับท็อปทรี มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 16% เพิ่มเป็น 20% ในสิ้นปีนี้ในกลุ่มแอลซีดี ทั้งการทำบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์ การโฆษณาส่งเสริมการขาย การตกแต่งหน้าร้านใหม่ สร้างการรับรู้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ด้านกลยุทธ์ช่องทางจำหน่ายมุ่งพัฒนาทั้งกลุ่มตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศควบคู่ไปกับการขยายช่องทางในกลุ่มโมเดิร์นเทรด รวมทั้งร้านค้าระดับชุมชน ให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ และสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายทำการตลาดร่วมกัน
โดยเฉพาะในช่วงการแข่งขันกีฬาใหญ่ 2 งานปีนี้ทั้งฟุตบอลยูโร และโอลิมปิก จะช่วยผลักดันให้ตลาดทีวีเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้เปิดตัวหนังโฆษณาในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร การทำตลาดสปอร์ตมาร์เกตติ้งในกีฬาหลากหลายประเภท
นอกจากนั้นจะมีการออกผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาด โดยในส่วนของแอลอีดีทีวีจะออกรุ่นใหม่เพิ่มเป็น 18 รุ่นจากเดิมมี 8 รุ่น ส่วนแอลซีดีทีวีจะลดจำนวนจาก 9 รุ่นเหลือ 4 รุ่น
สำหรับหัวหอกในการรุกตลาดจากนี้คือ ทีวี 3 มิติ 3D Glasses-Free RZ1T ซีรีส์ ขนาด 55 นิ้ว ราคาประมาณ 400,000 บาท ซึ่งเป็นทีวี 3 มิติที่ไม่ต้องใช้แว่น 3D Smart TV VL20T ซีรีส์ ขนาด 46 และ 40 นิ้ว และ ECO LED TV PB200 ซีรีส์ ขนาด 23 และ 32 และ 40 นิ้ว