“หมอปราเสริฐ” บิ๊กกรุงเทพดุสิตเวชการ เร่งเจรจาบริษัทยาข้ามชาติร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตยาในไทย คาดได้ข้อสรุปปีนี้ พร้อมลงทุนกว่าพันล้านตั้งห้องแล็บที่ทันสมัยดีที่สุด ดันรายได้จากธุรกิจ non core เติบโตขึ้น
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตยาในต่างประเทศเพื่อร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตยาแบรนด์ต่างประเทศในไทย คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในปีนี้ ซึ่งแต่ละปีไทยต้องนำเข้ายาจากต่างประเทศปีละกว่า 2 แสนล้านบาท หากมีการตั้งโรงงานผลิตยาในไทยจะช่วยลดการนำเข้าและบริษัทฯ ยังมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นทำห้องแล็บที่ทันสมัยที่สุดในไทย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท จะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (non core) เพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท มาจากธุรกิจ non core เพียง 3 พันล้านบาท ซึ่งธุรกิจ non core จะให้มาร์จิ้นที่ 18-20% สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลที่มีมาร์จิ้นเพียง 10-12%
นพ.ปราเสริฐกล่าวต่อไปว่า บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้เช่นกัน
จากนโยบายการซื้อกิจการโรงพยาบาลในช่วงนับสิบปีที่ผ่านมา ทำให้มาร์เกตแคปของบริษัทฯ เติบโตขึ้นจาก 7 หมื่นล้านบาทในปี 2543 เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านบาทในปัจจุบัน
นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ผลิตยาในต่างประเทศเพื่อร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตยาแบรนด์ต่างประเทศในไทย คาดว่าจะมีความชัดเจนขึ้นในปีนี้ ซึ่งแต่ละปีไทยต้องนำเข้ายาจากต่างประเทศปีละกว่า 2 แสนล้านบาท หากมีการตั้งโรงงานผลิตยาในไทยจะช่วยลดการนำเข้าและบริษัทฯ ยังมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเน้นทำห้องแล็บที่ทันสมัยที่สุดในไทย คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท จะทำให้สัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก (non core) เพิ่มขึ้น โดยปีนี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้ 4.5 หมื่นล้านบาท มาจากธุรกิจ non core เพียง 3 พันล้านบาท ซึ่งธุรกิจ non core จะให้มาร์จิ้นที่ 18-20% สูงกว่าธุรกิจโรงพยาบาลที่มีมาร์จิ้นเพียง 10-12%
นพ.ปราเสริฐกล่าวต่อไปว่า บริษัทมีแผนจะเข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้เช่นกัน
จากนโยบายการซื้อกิจการโรงพยาบาลในช่วงนับสิบปีที่ผ่านมา ทำให้มาร์เกตแคปของบริษัทฯ เติบโตขึ้นจาก 7 หมื่นล้านบาทในปี 2543 เพิ่มขึ้นเป็น 1.4 แสนล้านบาทในปัจจุบัน