“ซาบีน่า” เตรียมปรับราคาชุดชั้นในอีก 6% อีก 4 เดือนจากนี้ หลังสุดอั้นต้นทุนพุ่งทั้งๆ ที่ลดต้นทุนมาตลอดทุกกระบวนท่าแล้ว จับตาปีหน้าหนักกว่านี้อีกเพราะค่าแรงขึ้น 300 บาททั่วประเทศ เล็งรุกตลาดอาเซียน หวังเป็นอาเซียนแบรนด์ใน 5 ปี
นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชุดชั้นในแบรนด์ “ซาบีน่า”ของไทย เปิดเผยว่า จากต้นทุนที่ยังเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง บริษัทฯ จำเป็นต้องปรับราคาสินค้าชุดชั้นในอย่างต่ำ 5-6% ภายในช่วง 4 เดือนจากนี้จากสินค้าที่ผลิตออกมาใหม่
ทั้งนี้ ต้นทุนค่าแรง 300 บาทที่เพิ่มขึ้นใน 7 จังหวัดแรกนำร่องเมื่อเดือนเมษายนนี้ เท่ากับว่าค่าแรงที่พนักงานได้จะเพิ่มขึ้นอย่างต่ำ 40% ทำให้ต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้น 25% ขณะที่ต้นทุนรวมเพิ่มขึ้น 15% โดยมี 2 โรงงานของเราที่ได้รับผลกระทบจากค่าแรง 300 บาท ในช่วงแรกคือที่พุทธมณฑลกับกรุงเทพฯ ส่วนโรงงานอีก 3 แห่งที่ชัยนาท ยโสธร บุรีรัมย์ ยังไม่โดน
อย่างไรก็ตาม ที่บริษัทฯ ปรับราคาเพียงเล็กน้อย เนื่องมาจากว่าบริษัทฯ ได้ปรับตัวด้านการผลิตมาตั้งแต่หลังเลือกตั้งปีที่แล้ว โดยเฉพาะนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทของรัฐบาล ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถประคองและบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างดี เช่น การปรับเปลี่ยนให้พนักงานยืนเย็บซึ่งใช้คนน้อยกว่าเดิม คือ 1 คนต่อ 3 จักร หรือประมาณ 3 เท่า และต้นทุนต่ำลง ซึ่งจากทั้งหมด 5 โรงงานมี 3 โรงงานที่ยืนเย็บแล้ว 20% และอีก 1 โรงงานทำได้ 70% แล้ว รวมทั้งพนักงานที่เดิมมีกว่า 5,000 คนตอนนี้เหลือ 4,500 กว่าคน โดยที่ไม่ได้ให้ออก และไม่ได้รับคนใหม่เพิ่ม
“ธุรกิจต้องหาวิธีลดต้นทุนตลอดอยู่แล้ว ถึงแม้ว่านโยบาย 300 บาทนี้ยังไม่มีเราก็ต้องลดต้นทุนตลอดเวลา โดยยอดผลิตต้องไม่ตกจึงทำให้ต้นทุนต่อหน่วยลดลงได้ ยิ่งต้นปีหน้าที่นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทจะประกาศใช้ทั้งประเทศนั้นต้องปรับตัวให้ดีเพราะต้นทุนจะเพิ่มกว่านี้อีก ซึ่งทุกวันนี้แผนงานของเราก็ต้องปรับเปลี่ยนทุกเดือนเพราะมีปัจจัยลบต่างๆ เข้ามาตลอดเวลา โดยปีนี้จะใช้งบตลาดรวม 100 ล้านบาท และเตรียมเพิ่มชอปซาบีน่าอีกให้ครบ 40 แห่งภายในสิ้นปีนี้จากปัจจุบันมี 26 ชอป และมีมากกว่า 400 จุดขาย” นายบุญชัยกล่าว
ทั้งนี้ ยอดขายของแบรนด์ซาบีน่าซึ่งคิดเป็น 80% ของรายได้รวม ปีที่แล้วเติบโต 20% ส่วนปีนี้คาดว่าแบรนด์ซาบีน่าจะเติบโต 30% ส่งผลให้รายได้รวมเติบโต 10%
บริษัทฯ มีแผนรุกตลาดอาเซียนมากขึ้น รองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซีในปี 2558 โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีจากนี้จะผลักดันแบรนด์ซาบีน่าให้เป็นอาเซียนแบรนด์ให้ได้ ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของแบรนด์ตัวเองมีเพียง 5%
โดยตลาดที่รุกไปบ้างแล้วในอาเซียน เช่น พม่า เวียดนาม ลาว เป็นต้น รวมทั้งที่อินเดีย อิหร่าน ที่เคยไปทำตลาดแต่กำแพงภาษีค่อนข้างสูงจึงไม่ได้เน้นมาก ส่วนที่อินโดนีเซีย เป็นตลาดใหญ่ แต่ว่ามีมากกว่า 10 แบรนด์ที่แข่งขันในตลาดและเป็นตลาดที่ค่อนข้างแข็งแกร่งด้วย บริษัทฯ คงยังไม่ทำตลาดตอนนี้
สำหรับตลาดรวมชุดชั้นในผู้หญิงในไทยมีมูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาท โดยสัดส่วน 50% เป็นของแบรนด์หลัก ซึ่งมี 3 รายใหญ่คุมตลาดอยู่กว่า 6,000 ล้านบาท ซึ่งใน 3 รายนี้มีแบรนด์วาโก้เป็นผู้นำตลาดกว่า 3,000 ล้านบาท ขณะที่แบรนด์ซาบีน่าเป็นอันดับที่สอง ส่วนแบ่ง 20% และแบรนด์ไทรอัมพ์เป็นอันดับสาม นอกนั้นเป็นแบรนด์อื่นรวมกัน