“พพ.” ถกค่ายรถยนต์วางแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้ไบโอดีเซลจากปัจจุบันอยู่ที่ บี 5 กรุยทางขยับสู่บี 7 เพื่อเพิ่มการใช้บี 100 พร้อมหามาตรการหนุนการใช้อี 20 เพิ่มหลังพบยังใช้ต่ำกว่าจำนวนรถยนต์ที่ใช้ได้จริง เล็งหนุนถ่างส่วนต่างราคาเพิ่ม
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พพ.อยู่ระหว่างการหารือกับค่ายรถยนต์ต่างๆ เพื่อพิจารณาที่จะเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลจากสูตรปัจจุบันที่ผสมบี 100 ไม่เกิน 5% หรือบี 5 เป็นไม่เกิน 7%หรือบี 7 เนื่องจากการทดสอบพบว่าบี 7 ไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งรายละเอียดคงจะต้องรับฟังข้อมูลจากค่ายรถยนต์ และกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนถึงความพร้อมอีกครั้ง
“เราเองคงจะต้องคุยกับค่ายรถยนต์เป็นสำคัญในแง่ของคุณสมบัติบี 7 วันนี้ไม่มีปัญหาเพราะได้ผ่านการทดสอบแล้วปรากฏว่าไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ใช้ได้หมดแต่ทั้งนี้คงต้องให้เวลาค่ายรถปรับตัวเพื่อการันตีกับผู้บริโภค” นายไกรฤทธิ์กล่าว
ปัจจุบันผู้ค้าจำหน่ายไบโอดีเซลบี 5 โดยบี 100 ยังคงไม่มีปัญหาขาดแคลนแต่อย่างใด ล่าสุดยังคงมีสต็อกถึง 300,000 ตัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ใช้ในการบริโภคของน้ำมันพืชที่ราคาขายถูกตรึงราคาไว้ขณะที่ต้นทุนแพง อย่างไรก็ตาม กรณีที่รัฐมอบหมายให้ ปตท.นำเข้าน้ำมันปาล์มนั้น ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้วคงอาจจะไม่จำเป็น
นอกจากนี้ พพ.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ที่จะผลักดันและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์อี 20 ที่ขณะนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาจำนวนมากซึ่งสามารถใช้อี 20ได้ แต่ปรากฏว่าการใช้เมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์ยังค่อนข้างต่ำซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากผู้ใช้รถยนต์ยังไม่มั่นใจในเรื่องของประสิทธิภาพซึ่งคงจะต้องร่วมมือกับค่ายรถยนต์ในการการันตีเพิ่มขึ้น ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งอาจมาจากจำนวนปั๊มขณะนี้ยังไม่กระจายทั่วถึงและสุดท้ายอาจเป็นไปได้ว่ามาจากราคาที่ยังไม่จูงใจนัก
“คิดว่าคงจะต้องไปดูในทุกๆ ส่วนโดยเฉพาะเรื่องราคานั้นเร็วๆ นี้คงจะมีการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนราคาให้ต่างกันมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์และเบนซินที่จะเพิ่มการใช้เอทานอลให้สูง เพราะถือว่าปริมาณเอทานอลในประเทศนั้นมีเกินกว่าความต้องการมาก และยังจะนำไปสู่การยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 ในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนปั๊มอี 20 นั้น ขณะนี้เริ่มมีมากขึ้นโดยเฉพาะของบางจาก” นายไกรฤทธิ์กล่าว
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พพ.อยู่ระหว่างการหารือกับค่ายรถยนต์ต่างๆ เพื่อพิจารณาที่จะเพิ่มสัดส่วนการผสมน้ำมันไบโอดีเซลจากสูตรปัจจุบันที่ผสมบี 100 ไม่เกิน 5% หรือบี 5 เป็นไม่เกิน 7%หรือบี 7 เนื่องจากการทดสอบพบว่าบี 7 ไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ ซึ่งรายละเอียดคงจะต้องรับฟังข้อมูลจากค่ายรถยนต์ และกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนถึงความพร้อมอีกครั้ง
“เราเองคงจะต้องคุยกับค่ายรถยนต์เป็นสำคัญในแง่ของคุณสมบัติบี 7 วันนี้ไม่มีปัญหาเพราะได้ผ่านการทดสอบแล้วปรากฏว่าไม่มีปัญหากับเครื่องยนต์โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ใช้ได้หมดแต่ทั้งนี้คงต้องให้เวลาค่ายรถปรับตัวเพื่อการันตีกับผู้บริโภค” นายไกรฤทธิ์กล่าว
ปัจจุบันผู้ค้าจำหน่ายไบโอดีเซลบี 5 โดยบี 100 ยังคงไม่มีปัญหาขาดแคลนแต่อย่างใด ล่าสุดยังคงมีสต็อกถึง 300,000 ตัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาส่วนใหญ่ไปอยู่ที่ใช้ในการบริโภคของน้ำมันพืชที่ราคาขายถูกตรึงราคาไว้ขณะที่ต้นทุนแพง อย่างไรก็ตาม กรณีที่รัฐมอบหมายให้ ปตท.นำเข้าน้ำมันปาล์มนั้น ขณะนี้สถานการณ์คลี่คลายแล้วคงอาจจะไม่จำเป็น
นอกจากนี้ พพ.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกับสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ที่จะผลักดันและส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์อี 20 ที่ขณะนี้มีรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาจำนวนมากซึ่งสามารถใช้อี 20ได้ แต่ปรากฏว่าการใช้เมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์ยังค่อนข้างต่ำซึ่งคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากผู้ใช้รถยนต์ยังไม่มั่นใจในเรื่องของประสิทธิภาพซึ่งคงจะต้องร่วมมือกับค่ายรถยนต์ในการการันตีเพิ่มขึ้น ส่วนอีกสาเหตุหนึ่งอาจมาจากจำนวนปั๊มขณะนี้ยังไม่กระจายทั่วถึงและสุดท้ายอาจเป็นไปได้ว่ามาจากราคาที่ยังไม่จูงใจนัก
“คิดว่าคงจะต้องไปดูในทุกๆ ส่วนโดยเฉพาะเรื่องราคานั้นเร็วๆ นี้คงจะมีการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนราคาให้ต่างกันมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มแก๊สโซฮอล์และเบนซินที่จะเพิ่มการใช้เอทานอลให้สูง เพราะถือว่าปริมาณเอทานอลในประเทศนั้นมีเกินกว่าความต้องการมาก และยังจะนำไปสู่การยกเลิกการจำหน่ายเบนซิน 91 ในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนปั๊มอี 20 นั้น ขณะนี้เริ่มมีมากขึ้นโดยเฉพาะของบางจาก” นายไกรฤทธิ์กล่าว