นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับ สำนักงานตำรวจแห่งขาติ (สตช.) องค์การขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (ขสมก.) เพื่อวางมาตรการรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 9-18 เม.ย. 2555 โดยคาดว่าจะมีประชาชนทยอยเดินทางออกจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) กว่า 1 ล้านคน ซึ่งบขส.ได้เพิ่มเที่ยววิ่งอีก 50 % จากเที่ยววิ่งปกติวันละ 3,500 เที่ยว เป็น5,200 เที่ยวต่อวัน สามารถรองรับผู้โดยสารได้จาก 1 แสนคนต่อวันเป็น 2 แสนคนต่อวัน โดยได้ปรับชานชลาขาเข้าเป็นพื้นที่ให้บริการรถเสริม(รถ 30 ) เพื่อไม่ให้ผู้โดยสารสับสน
ทั้งนี้ กรณีที่มีผู้ประกอบการรถเอกชน เช่นกลุ่ม นางสุจินดา เชิดชัย (เจ๊เกียว) จะไม่วิ่งรถเที่ยวเปล่ากลับมารับผู้โดยสารขาออกนั้น ยอมรับว่าอาจทำให้รถไม่พอในบางจุดซึ่งนอกจากการเพิ่มรถไม่ประจำทาง (30) แล้ว บขส.ได้ประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) จัดขบวนรถเพิ่มในสายเหนือ อีสานและสายใต้ ในช่วงวันที่ 11-12 เม.ย. ส่วนสายสั้นประสาน ขสมก.ช่วยเสริมรถเป็น 40 คันจาก เทศกาลปีใหม่ที่เพิ่ม 25 คัน สำหรับขากลับนั้น คาดว่าจะทยอยตั้งแต่วันที่ 14-17 เม.ย.ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหา
นายวุฒิชาติกล่าวว่า ได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) บขส.เพื่อขอยกเว้นค่าขาที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ชั่วคราวระหว่างวันที่ 6-20 เม.ย. เพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการที่ได้รบผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่า บขส.จะสูญเสียรายได้ประมาณ 40 ล้านบาทเศษ ซึ่งขณะนี้ประธานบอร์ดกำลังประเมินตัวเลขที่เกี่ยวข้องก่อนประกาศอย่างเป็นทางการ
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่นั้นนายวุฒิชาติกล่าวว่า บขส.ได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งบริเวณสถานีและบนรถโดยสาร โดยที่สถานีจตุจักรมีการติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มอีก 12 จุดจากเดิมที่มีประมาณ 1,000 จุดพร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชม.ส่วนสถานีต่างจังหวัดโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้กว่า90 % ได้โอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลแล้ว แต่ได้มีการประสานกับขนส่งจังหวัดให้เพิ่มความเข้มงวดและกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแล
โดยในระหว่างวันที่ 6-20 เม.ย.นี้ บขส.งดรับส่งพัสดุสัมภาระที่ไปกับรถโดยสารที่ไม่มีผู้โดยสารเป็นเจ้าของ เพื่อกันพื้นที่สำหรับสัมภาระของผู้โดยสาร และเพื่อความปลอดภัยส่วนรถขนส่งพัสดุภัณฑ์โดยเฉพาะจำนวน 6 คันนั้นยังคงให้บริการปกติแต่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและบันทึกหลักฐานเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของผู้ส่งและผู้รับ และจะมีการติดต่อกับผู้รับปลายทาง รวมถึงจะต้องมีการเปิดพัสดุทุกชิ้นเพื่อตรวจสอบด้วย
อย่างไรก็ตาม มาตรการรักษาความปลอดภัยจะยกระดับความเข้มงวดทุกสถานีเหมือนกัน รวมถึงสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนีซึ่งเป็นระบบ Safety Zone ที่อนุญาตให้เฉพาะผู้โดยสารที่มีตั๋วโดยสารเข้าชานชลาได้เท่านั้น ส่วนญาติหากจะเข้าไปส่งจะต้องแลกบัตรประชาชน ซึ่งในอนาคตจะใช้กับสถานีอื่นเช่นกัน
ด้านการรถไฟฯ จัดขบวนรถไฟพิเศษเพิ่มเที่ยวไป ระหว่างวันที่ 11-13 เม.ย. รวม 7 ขบวนรองรับได้ 14,000 คนและเที่ยวกลับวันที่ 16-18 เม.ย. เพิ่มอีก 12 ขบวนรองรับได้ 24,000 คน จากขบวนรถปกติ 250 ขบวน ต่อวัน คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่า 7 แสนคน พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ในสถานีและบนขบวนจะเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยซึ่งมีการตรวจสภาพการใช้งานของกล้อง CCTV ด้วย
ส่วนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศรวมจำนวนที่นั่งที่เพิ่มขึ้นกว่า 3,000 ที่นั่ง ทั้งในชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด รองรับปริมาณการเดินทาง พร้อมจัดโปรโมชั่นบัตรโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศราคาพิเศษสุด รวมค่าธรรมเนียมทุกประเภทแล้ว เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ปี 2555 ในเส้นทาง เชียงใหม่ ,กระบี่,ภูเก็ต
ทั้งนี้ กรณีที่มีผู้ประกอบการรถเอกชน เช่นกลุ่ม นางสุจินดา เชิดชัย (เจ๊เกียว) จะไม่วิ่งรถเที่ยวเปล่ากลับมารับผู้โดยสารขาออกนั้น ยอมรับว่าอาจทำให้รถไม่พอในบางจุดซึ่งนอกจากการเพิ่มรถไม่ประจำทาง (30) แล้ว บขส.ได้ประสานกับการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) จัดขบวนรถเพิ่มในสายเหนือ อีสานและสายใต้ ในช่วงวันที่ 11-12 เม.ย. ส่วนสายสั้นประสาน ขสมก.ช่วยเสริมรถเป็น 40 คันจาก เทศกาลปีใหม่ที่เพิ่ม 25 คัน สำหรับขากลับนั้น คาดว่าจะทยอยตั้งแต่วันที่ 14-17 เม.ย.ซึ่งคาดว่าจะไม่มีปัญหา
นายวุฒิชาติกล่าวว่า ได้เสนอที่ประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด) บขส.เพื่อขอยกเว้นค่าขาที่เรียกเก็บจากผู้ประกอบการในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ชั่วคราวระหว่างวันที่ 6-20 เม.ย. เพื่อช่วยลดต้นทุนของผู้ประกอบการที่ได้รบผลกระทบจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น โดยคาดว่า บขส.จะสูญเสียรายได้ประมาณ 40 ล้านบาทเศษ ซึ่งขณะนี้ประธานบอร์ดกำลังประเมินตัวเลขที่เกี่ยวข้องก่อนประกาศอย่างเป็นทางการ
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยจากเหตุการณ์ระเบิดที่หาดใหญ่นั้นนายวุฒิชาติกล่าวว่า บขส.ได้ยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยทั้งบริเวณสถานีและบนรถโดยสาร โดยที่สถานีจตุจักรมีการติดตั้งกล้อง CCTV เพิ่มอีก 12 จุดจากเดิมที่มีประมาณ 1,000 จุดพร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตลอด 24 ชม.ส่วนสถานีต่างจังหวัดโดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้กว่า90 % ได้โอนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดูแลแล้ว แต่ได้มีการประสานกับขนส่งจังหวัดให้เพิ่มความเข้มงวดและกำลังเจ้าหน้าที่ในการดูแล
โดยในระหว่างวันที่ 6-20 เม.ย.นี้ บขส.งดรับส่งพัสดุสัมภาระที่ไปกับรถโดยสารที่ไม่มีผู้โดยสารเป็นเจ้าของ เพื่อกันพื้นที่สำหรับสัมภาระของผู้โดยสาร และเพื่อความปลอดภัยส่วนรถขนส่งพัสดุภัณฑ์โดยเฉพาะจำนวน 6 คันนั้นยังคงให้บริการปกติแต่จะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบและบันทึกหลักฐานเอกสารสำเนาบัตรประชาชนของผู้ส่งและผู้รับ และจะมีการติดต่อกับผู้รับปลายทาง รวมถึงจะต้องมีการเปิดพัสดุทุกชิ้นเพื่อตรวจสอบด้วย
อย่างไรก็ตาม มาตรการรักษาความปลอดภัยจะยกระดับความเข้มงวดทุกสถานีเหมือนกัน รวมถึงสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนีซึ่งเป็นระบบ Safety Zone ที่อนุญาตให้เฉพาะผู้โดยสารที่มีตั๋วโดยสารเข้าชานชลาได้เท่านั้น ส่วนญาติหากจะเข้าไปส่งจะต้องแลกบัตรประชาชน ซึ่งในอนาคตจะใช้กับสถานีอื่นเช่นกัน
ด้านการรถไฟฯ จัดขบวนรถไฟพิเศษเพิ่มเที่ยวไป ระหว่างวันที่ 11-13 เม.ย. รวม 7 ขบวนรองรับได้ 14,000 คนและเที่ยวกลับวันที่ 16-18 เม.ย. เพิ่มอีก 12 ขบวนรองรับได้ 24,000 คน จากขบวนรถปกติ 250 ขบวน ต่อวัน คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการไม่น้อยกว่า 7 แสนคน พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ในสถานีและบนขบวนจะเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยซึ่งมีการตรวจสภาพการใช้งานของกล้อง CCTV ด้วย
ส่วนบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เพิ่มเที่ยวบินภายในประเทศรวมจำนวนที่นั่งที่เพิ่มขึ้นกว่า 3,000 ที่นั่ง ทั้งในชั้นธุรกิจ และชั้นประหยัด รองรับปริมาณการเดินทาง พร้อมจัดโปรโมชั่นบัตรโดยสารเที่ยวบินภายในประเทศราคาพิเศษสุด รวมค่าธรรมเนียมทุกประเภทแล้ว เพื่อต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ปี 2555 ในเส้นทาง เชียงใหม่ ,กระบี่,ภูเก็ต