ASTVผู้จัดการรายวัน - ททท.ทุ่ม 220 ล้านบาท ผุดสารคดีสั้น 3 ชุด ปูพรมโฆษณาในต่างประเทศ นาน 2 เดือน ครั้งแรกในรอบ 20 ปี เริ่มเมษายนนี้ ดึง “เจี๊ยบ” ลลนา ก้องธรนินทร์ พรีเซ็นเตอร์ท่องเที่ยว ชิงพื้นที่สื่อใหญ่ BBC ดิสคัฟเวอรี่ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก หวังผลดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติทะลุเป้าขึ้นหลัก 21 ล้านคน สิ้นปี ฟากเอกชน มองตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แนะทำตลาดแบบน็อกดอร์
นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมใช้งบกว่า 220 ล้านบาท จากงบฟื้นฟูเศรษฐกิจประจำปีงบประมาณ 2555 เพื่อทำประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในตลาดต่างประเทศ แบ่งเป็นส่วนของ ด้านสื่อสารการตลาด 140 ล้านบาท และ อีก 80 ล้านบาท ใช้ในตลาดประเทศนั้นๆ แบ่งเป็น ตลาดยุโรป 40 ล้านบาท และ ตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ อีก 40 ล้านบาท โดยทั้งหมดจะโหมอัดโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ในช่วง 2 เดือนเศษ ตั้งแต่เมษายน-มิถุนายน เพื่อทันกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงปลายปี
ด้านสื่อสารการตลาด เตรียมจัดทำสารคดีสั้น 3 ชุด ประกอบด้วย ธรรมชาติ, วิถีชีวิต, ชอปปิ้ง นำเสนอผ่านรายการในสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง เช่น BBC, ดิสคัฟเวอรี่ และ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ซึ่งมีผู้รับชมรวมแล้วหลายล้านครัวเรือนทั่วโลก โดยใช้ “เจี๊ยบ” ลลนา ก้องธรนินทร์ อดีตนางสาวไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์ และ แบรนด์แอมบาสเดอร์ ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย
เดินเรื่องผ่านสารคดีสั้น และใช้เป็นภาพนำเชิญชวนท่องเที่ยวประเทศไทยในโปสเตอร์ต่างๆ ครั้งแรกในรอบ 40 ปี ที่ใช้โปสเตอร์โปรโมตท่องเที่ยวด้วยการใช้คนนำ และล่าสุด เตรียมขึ้นปกหนังสือ อนุสาร อสท.ฉบับเดือนเมษายน เป็นครั้งแรกของอนุสาร อสท.ที่รูปขึ้นหน้าปกเป็นภาพคน
“เป็นครั้งแรกของ ททท.ในรอบ 20 ปี ที่ทำโฆษณาแบบปูพรมพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วโลก ทั้งผ่านสื่อที่เป็นแมส และสื่อที่เจาะเป็นรายตลาด จากที่ผ่านมา ททท.จะโฆษณาเฉพาะพื้นที่ ไม่ได้กำหนดเวลาให้ตรงกันแบบนี้ ทำให้ภาพที่ออกมาไม่ใหญ่เท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการตอกย้ำไม่ให้ลืมประเทศไทย พร้อมเชิญชวนให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จึงใช้เนื้อหา
ที่เน้นกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ โดยแต่ละสื่อที่เลือกใช้ก็จะมีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน เช่น BBC จะเน้นความถี่ในการออกอากาศ กลุ่มผู้ชมเป็น กลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงาน ส่วนการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์อื่นๆ จะเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะที่ อินมาร์เก็ต จะเน้น สื่อสิ่งพิมพ์ และรายการทีวีท้องถิ่น รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในพื้นที่ ซึ่งสารคดี 3 ชุด
จะสะท้อนได้ดีว่าไทยมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย”
นายประกิตติ์ กล่าวอีกว่า สารคดีสั้นที่ทำขึ้นจะจดเป็นลิขสิทธิ์ ของ ททท.เพื่อจะได้นำไปใช้โฆษณาในโอกาสอื่นๆ เช่น จะนำไปโฆษณานาการแข่งขัน เทนนิส วิมเบอร์ดัน ซึ่ง ททท.ได้เข้าไปร่วมสนับสนุนการแข่งขันนี้ด้วย นับเป็นการลงทุนคุ้มค่า
การทำประชาสัมพันธ์และโฆษณาคราวนี้ ททท.ติดต่อโดยตรงกับสื่อต่างๆ ที่จะลงโฆษณา ไม่ได้ผ่าน แมคแคน ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ของ ททท.ในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากต้องการความคล่องตัว และคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม จากจำนวนนักท่องเที่ยว ช่วงเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่ต้นปีเติบโตจากปีก่อนจำนวนมาก และหากตลอดปี ประเทศไทยไม่เจอกับปัจจัยลบภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง จะมั่นใจได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2555 นี้ จะทำได้ถึง 21 ล้านคน สูงกว่าตัวเลขประมาณการณ์ที่คาดว่าจะทำได้ 20.5 ล้านคน
***เอกชนหวั่นได้ไม่คุ้มเสีย****
ทางด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยว นายอภิชาติ สังฆอารี อดีตนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เออีดี เอเชีย แอนด์ ทราเวล จำกัด ทำธุกิจทัวร์อินบาวนต์ จากตลาดสแกนดิเนเวีย กล่าวว่า การลงโฆษณาในสื่อต่างประเทศที่เป็นกลุ่มแมส อย่าง BBC หรือ อื่นๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่เกรงว่าจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป ทางที่ดี ททท.ควรเน้นทำโฆษณาเจาะถึงตัวนักท่องเที่ยว เช่น กลุ่มครอบครัว ที่อยู่ในตลาดอินมาร์เก็ต จะได้ผลสูงกว่า โฟกัสไปที่ตลาดเอเชีย ซึ่งมีอัตราเติบโตสูงกว่ายุโรปที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
สำหรับโลว์ซีซันปีนี้ ตลาดยุโรปอาจไม่เติบโต หรือมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ตลาดยุโรปก้จะไม่เติบโตจากปีก่อน เพราะ ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้ ชะลอการเดินทางท่องเที่ยว สังเกตได้จากสายการบินที่เริ่งลดไฟล์ท ทั้งการบินไทย แอร์เอเชีย เป็นต้น แต่จะกลับมาอีกครั้งช่วงไฮซีซัน เพราะหนีสภาพอากาศหนาวเย็นมาพำนักในไทย
นายประกิตติ์ พิริยะเกียรติ รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.เตรียมใช้งบกว่า 220 ล้านบาท จากงบฟื้นฟูเศรษฐกิจประจำปีงบประมาณ 2555 เพื่อทำประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทยในตลาดต่างประเทศ แบ่งเป็นส่วนของ ด้านสื่อสารการตลาด 140 ล้านบาท และ อีก 80 ล้านบาท ใช้ในตลาดประเทศนั้นๆ แบ่งเป็น ตลาดยุโรป 40 ล้านบาท และ ตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ อีก 40 ล้านบาท โดยทั้งหมดจะโหมอัดโฆษณาประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ในช่วง 2 เดือนเศษ ตั้งแต่เมษายน-มิถุนายน เพื่อทันกระตุ้นให้เกิดการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงปลายปี
ด้านสื่อสารการตลาด เตรียมจัดทำสารคดีสั้น 3 ชุด ประกอบด้วย ธรรมชาติ, วิถีชีวิต, ชอปปิ้ง นำเสนอผ่านรายการในสถานีโทรทัศน์ชื่อดัง เช่น BBC, ดิสคัฟเวอรี่ และ เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ซึ่งมีผู้รับชมรวมแล้วหลายล้านครัวเรือนทั่วโลก โดยใช้ “เจี๊ยบ” ลลนา ก้องธรนินทร์ อดีตนางสาวไทย เป็นพรีเซ็นเตอร์ และ แบรนด์แอมบาสเดอร์ ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย
เดินเรื่องผ่านสารคดีสั้น และใช้เป็นภาพนำเชิญชวนท่องเที่ยวประเทศไทยในโปสเตอร์ต่างๆ ครั้งแรกในรอบ 40 ปี ที่ใช้โปสเตอร์โปรโมตท่องเที่ยวด้วยการใช้คนนำ และล่าสุด เตรียมขึ้นปกหนังสือ อนุสาร อสท.ฉบับเดือนเมษายน เป็นครั้งแรกของอนุสาร อสท.ที่รูปขึ้นหน้าปกเป็นภาพคน
“เป็นครั้งแรกของ ททท.ในรอบ 20 ปี ที่ทำโฆษณาแบบปูพรมพร้อมกันทุกพื้นที่ทั่วโลก ทั้งผ่านสื่อที่เป็นแมส และสื่อที่เจาะเป็นรายตลาด จากที่ผ่านมา ททท.จะโฆษณาเฉพาะพื้นที่ ไม่ได้กำหนดเวลาให้ตรงกันแบบนี้ ทำให้ภาพที่ออกมาไม่ใหญ่เท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเพื่อต้องการตอกย้ำไม่ให้ลืมประเทศไทย พร้อมเชิญชวนให้เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว จึงใช้เนื้อหา
ที่เน้นกระตุ้นให้เกิดการรับรู้ โดยแต่ละสื่อที่เลือกใช้ก็จะมีกลุ่มเป้าหมายแตกต่างกัน เช่น BBC จะเน้นความถี่ในการออกอากาศ กลุ่มผู้ชมเป็น กลุ่มผู้ใหญ่วัยทำงาน ส่วนการโฆษณาผ่านสื่อออนไลน์อื่นๆ จะเน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ขณะที่ อินมาร์เก็ต จะเน้น สื่อสิ่งพิมพ์ และรายการทีวีท้องถิ่น รวมถึงการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายภายในพื้นที่ ซึ่งสารคดี 3 ชุด
จะสะท้อนได้ดีว่าไทยมีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย”
นายประกิตติ์ กล่าวอีกว่า สารคดีสั้นที่ทำขึ้นจะจดเป็นลิขสิทธิ์ ของ ททท.เพื่อจะได้นำไปใช้โฆษณาในโอกาสอื่นๆ เช่น จะนำไปโฆษณานาการแข่งขัน เทนนิส วิมเบอร์ดัน ซึ่ง ททท.ได้เข้าไปร่วมสนับสนุนการแข่งขันนี้ด้วย นับเป็นการลงทุนคุ้มค่า
การทำประชาสัมพันธ์และโฆษณาคราวนี้ ททท.ติดต่อโดยตรงกับสื่อต่างๆ ที่จะลงโฆษณา ไม่ได้ผ่าน แมคแคน ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านประชาสัมพันธ์ของ ททท.ในตลาดต่างประเทศ เนื่องจากต้องการความคล่องตัว และคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม จากจำนวนนักท่องเที่ยว ช่วงเกือบ 3 เดือน ตั้งแต่ต้นปีเติบโตจากปีก่อนจำนวนมาก และหากตลอดปี ประเทศไทยไม่เจอกับปัจจัยลบภายในประเทศ โดยเฉพาะปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง จะมั่นใจได้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2555 นี้ จะทำได้ถึง 21 ล้านคน สูงกว่าตัวเลขประมาณการณ์ที่คาดว่าจะทำได้ 20.5 ล้านคน
***เอกชนหวั่นได้ไม่คุ้มเสีย****
ทางด้านผู้ประกอบการท่องเที่ยว นายอภิชาติ สังฆอารี อดีตนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท เออีดี เอเชีย แอนด์ ทราเวล จำกัด ทำธุกิจทัวร์อินบาวนต์ จากตลาดสแกนดิเนเวีย กล่าวว่า การลงโฆษณาในสื่อต่างประเทศที่เป็นกลุ่มแมส อย่าง BBC หรือ อื่นๆ เป็นเรื่องที่ดี แต่เกรงว่าจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป ทางที่ดี ททท.ควรเน้นทำโฆษณาเจาะถึงตัวนักท่องเที่ยว เช่น กลุ่มครอบครัว ที่อยู่ในตลาดอินมาร์เก็ต จะได้ผลสูงกว่า โฟกัสไปที่ตลาดเอเชีย ซึ่งมีอัตราเติบโตสูงกว่ายุโรปที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
สำหรับโลว์ซีซันปีนี้ ตลาดยุโรปอาจไม่เติบโต หรือมีแนวโน้มลดลง ขณะที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ตลาดยุโรปก้จะไม่เติบโตจากปีก่อน เพราะ ผลจากวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทำให้ ชะลอการเดินทางท่องเที่ยว สังเกตได้จากสายการบินที่เริ่งลดไฟล์ท ทั้งการบินไทย แอร์เอเชีย เป็นต้น แต่จะกลับมาอีกครั้งช่วงไฮซีซัน เพราะหนีสภาพอากาศหนาวเย็นมาพำนักในไทย