ช้างควบเซ็นสัญญาทีมดัง “เรอัล มาดริด” และ “บาร์เซเซโลน่า” พร้อมทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ลุยสปอร์ตมาร์เก็ตติ้งลุยตลาดอินเตอร์ คุยอีก 5 ปีกวาดรายได้ต่างประเทศทะลุ 30,000 ล้านบาท
นายแมทธิว กิจโอธาน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ในการเซ็นสัญญาการเป็นออฟฟอศเชียล พาร์ทเนอร์ชิพสนับสนุน 2 สโมสรฟุตบอลของโลกคือ เรอัล มาดริด และบาร์เซโรน่า เป็นระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ ผ่านแนวคิด ชีวิตเรา...ใช้ซะ ในแคมเปญ ช้าง...แชมป์เหนือแชมป์ เพื่อนำลิขสิทธิ์สิทธิ์ที่ได้มาทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านสินค้าแบรนด์ช้าง ซึ่งประกอบด้วย น้ำดื่ม โซดา และเบียร์ โดยในส่วนของสโมสรบาร์เซโรน่าบริษัทได้วางแผนการทำตลาดนำลิขสิทธิ์ทำตลาดผ่านแบรนด์ช้างทั้งในประเทศไทยและเอเชีย ขณะที่สโมสรเรอัล มาดริด จะนำลิขสิทธิ์ทำตลาดผ่านแบรนด์ช้างในประเทศไทยเท่านั้น
ทั้งนี้การที่บริษัทได้เลือก 2 สโมสรชื่อดังมาร่วมทำกิจกรรมทางการตลาด เพราะว่ามีแผนฟุตบอลทั่วโลกมีความชื่นชอบในสโมสรดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของสโมสรบาร์เซโลน่ามีแฟนบอลทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 349 ล้านคน และเรอัล มาดริดมีแฟนบอลทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 329 ล้านคน ขณะที่ในประเทศไทยมีแฟนบอลของสโมสรบาร์เซโลน่าอยู่ที่ 10 ล้านคน และเรอัล มาดริดมีแฟนบอลไทยอยู่ที่ 8 ล้านคน บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการนำทีมฟุตบอลดังกล่าวเข้ามาทำกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของการพาแฟนบอลไปชมการแข่งขันในประเทศสเปน และนำทีมฟุตบอลดังกล่าวเข้ามาแข่งขันในประเทศไทย
“หลังจากที่เราเข้าไปทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านกีฬาฟุตบอลในช่วง 7 ปีที่แล้วผ่านสโมสรเอฟเวอร์ตัน ตอนนั้นถือเป็นประวัติศาสตร์ของสินค้าไทยเลยที่เดียว เพราะถือเป็นการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยขณะนี้เราส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ช้างเข้าไปทำตลาดทั่วโลกแล้ว 50 ประเทศ ซึ่งในส่วนของเบียร์เราก็มีช้างเอ็กซ์ปอร์ตเข้าไปทำตลาด ซึ่งได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีส่งผลให้แต่ละปีเรามีรายได้จากการส่งออกเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% โดยอีก 5 ปีนับจากปีคาดว่าจะมีรายได้จากการส่งออกไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทจากปัจจุบันมีรายได้ที่ 6,000 ล้านบาท” นายแมทธิวกล่าว
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะใช้งบอีก 500 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านลิขสิทธิ์สโมสรฟุตบอลทั้ง 2 ทีมตลอด 3 ปีนับจากนี้ ควบคู่ไปกับการทำตลาดเครื่องดื่มแบรนด์ช้าง ซึ่งในส่วนของของเบียร์บริษัทจะเน้นไปที่ช้างเอ็กซ์ปอาร์ต ซึ่งบริษัทวางแผนจะเน้นทำตลาดในเอเชียและประเทศไทยมากขึ้น โดยหลังจากจบสัญญาลิขสิทธิ์ 3 ปีคาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้จากสินค้าแบรนด์ช้างทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท ขณะที่สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท เติบโต 25%
“ปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดเบียร์ช้างเอ็กซ์ปอร์ตต่อเนื่อง เพราะภายหลังจากที่ทดลองนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาทำตลาดในไทยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามียอดขายสูงถึง 20 ล้านลิตร สูงกว่ายอดขายเบียร์ช้างดราฟท์ ซึ่งทั้งปีจะมียอดขายเพียง 10 ล้านลิตรเท่านั้น ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีนี้บริษัทจึงมั่นใจว่าจะมียอดขายเบียร์ช้างเอ็กซ์ปอร์ตไม่ต่ำกว่า 60 ล้านลิตร เนื่องจากจะมีการทำกิจกรรมทางการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”นายแมทธิวกล่าว
นายแมทธิว กิจโอธาน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ในการเซ็นสัญญาการเป็นออฟฟอศเชียล พาร์ทเนอร์ชิพสนับสนุน 2 สโมสรฟุตบอลของโลกคือ เรอัล มาดริด และบาร์เซโรน่า เป็นระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ ผ่านแนวคิด ชีวิตเรา...ใช้ซะ ในแคมเปญ ช้าง...แชมป์เหนือแชมป์ เพื่อนำลิขสิทธิ์สิทธิ์ที่ได้มาทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านสินค้าแบรนด์ช้าง ซึ่งประกอบด้วย น้ำดื่ม โซดา และเบียร์ โดยในส่วนของสโมสรบาร์เซโรน่าบริษัทได้วางแผนการทำตลาดนำลิขสิทธิ์ทำตลาดผ่านแบรนด์ช้างทั้งในประเทศไทยและเอเชีย ขณะที่สโมสรเรอัล มาดริด จะนำลิขสิทธิ์ทำตลาดผ่านแบรนด์ช้างในประเทศไทยเท่านั้น
ทั้งนี้การที่บริษัทได้เลือก 2 สโมสรชื่อดังมาร่วมทำกิจกรรมทางการตลาด เพราะว่ามีแผนฟุตบอลทั่วโลกมีความชื่นชอบในสโมสรดังกล่าวเป็นจำนวนมาก โดยในส่วนของสโมสรบาร์เซโลน่ามีแฟนบอลทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 349 ล้านคน และเรอัล มาดริดมีแฟนบอลทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 329 ล้านคน ขณะที่ในประเทศไทยมีแฟนบอลของสโมสรบาร์เซโลน่าอยู่ที่ 10 ล้านคน และเรอัล มาดริดมีแฟนบอลไทยอยู่ที่ 8 ล้านคน บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการนำทีมฟุตบอลดังกล่าวเข้ามาทำกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งจะมีทั้งในส่วนของการพาแฟนบอลไปชมการแข่งขันในประเทศสเปน และนำทีมฟุตบอลดังกล่าวเข้ามาแข่งขันในประเทศไทย
“หลังจากที่เราเข้าไปทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านกีฬาฟุตบอลในช่วง 7 ปีที่แล้วผ่านสโมสรเอฟเวอร์ตัน ตอนนั้นถือเป็นประวัติศาสตร์ของสินค้าไทยเลยที่เดียว เพราะถือเป็นการรุกตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง โดยขณะนี้เราส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ช้างเข้าไปทำตลาดทั่วโลกแล้ว 50 ประเทศ ซึ่งในส่วนของเบียร์เราก็มีช้างเอ็กซ์ปอร์ตเข้าไปทำตลาด ซึ่งได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดีส่งผลให้แต่ละปีเรามีรายได้จากการส่งออกเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% โดยอีก 5 ปีนับจากปีคาดว่าจะมีรายได้จากการส่งออกไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาทจากปัจจุบันมีรายได้ที่ 6,000 ล้านบาท” นายแมทธิวกล่าว
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะใช้งบอีก 500 ล้านบาท ในการทำกิจกรรมทางการตลาดผ่านลิขสิทธิ์สโมสรฟุตบอลทั้ง 2 ทีมตลอด 3 ปีนับจากนี้ ควบคู่ไปกับการทำตลาดเครื่องดื่มแบรนด์ช้าง ซึ่งในส่วนของของเบียร์บริษัทจะเน้นไปที่ช้างเอ็กซ์ปอาร์ต ซึ่งบริษัทวางแผนจะเน้นทำตลาดในเอเชียและประเทศไทยมากขึ้น โดยหลังจากจบสัญญาลิขสิทธิ์ 3 ปีคาดว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้จากสินค้าแบรนด์ช้างทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านบาท ขณะที่สิ้นปีนี้คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ 35,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 28,000 ล้านบาท เติบโต 25%
“ปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญกับการทำตลาดเบียร์ช้างเอ็กซ์ปอร์ตต่อเนื่อง เพราะภายหลังจากที่ทดลองนำสินค้าดังกล่าวเข้ามาทำตลาดในไทยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามียอดขายสูงถึง 20 ล้านลิตร สูงกว่ายอดขายเบียร์ช้างดราฟท์ ซึ่งทั้งปีจะมียอดขายเพียง 10 ล้านลิตรเท่านั้น ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ดังนั้นในปีนี้บริษัทจึงมั่นใจว่าจะมียอดขายเบียร์ช้างเอ็กซ์ปอร์ตไม่ต่ำกว่า 60 ล้านลิตร เนื่องจากจะมีการทำกิจกรรมทางการตลาด เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้าดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง”นายแมทธิวกล่าว