ขนส่งฯ เตรียมคุมเข้มความปลอดภัย “รถรับส่งนักเรียน” ยอมรับที่ผ่านมา ยังไม่มีมาตรการเข้าไปกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ ทำให้การให้บริการไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ผลสำรวจพบ ผู้ให้บริการส่วนใหญ่บางครั้งเป็นบุคคลธรรมดา หรือบุคคลทั่วไป ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการที่ถูกต้อง ทำให้เมื่อเกิดอุบัติรุนแรง ผู้โดยสารไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ และยังมีการใช้ปิคอัพดัดแปลง เพื่อบรรทุกนักเรียนจำนวนมาก เป็นต้นเหตุสำคัญของความสูญเสีย
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า มีแนวคิดจัดระเบียบรถรับส่งนักเรียนสาธารณะ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและลดการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของเด็กนักเรียนจำนวนมากที่มีการโดยสารรถโรงเรียน ซึ่งที่ผ่านมา กรมยังไม่มีมาตรการเข้าไปกำกับดูแลอย่างเป็นระบบ ทำให้การให้บริการไม่เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
“ภายในเร็วๆ นี้ เราจะประสานไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการรถโรงเรียนในโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อดูว่ามีรูปแบบอย่างไร และมีจำนวนเท่าใด เพื่อนำมาจัดระเบียบต่อไป”
โดยเบื้องต้น กรมการขนส่งทางบก อาจจะต้องกำหนดให้ผู้ประกอบการรถโรงเรียนทั่วประเทศต้องมายื่นขออนุญาตประกอบการขนส่งให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 เพื่อให้สามารถกำกับดูแลการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานความปลอดภัย
“จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่า การให้บริการรถโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนตามพื้นที่ต่างจังหวัด ขณะนี้ มีระบบการโดยสารที่ไม่ปลอดภัย ไม่มีมาตรฐาน บางครั้งใช้รถผิดประเภท เช่น ใช้รถปิกอัพบรรทุกนักเรียนจำนวนมาก เบียดเสียดยัดเยียดกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย”
นอกจากนี้ ยังรวมถึงผู้ให้บริการส่วนใหญ่ บางครั้งเป็นบุคคลธรรมดา หรือบุคคลทั่วไป ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบการที่ถูกต้อง ทำให้เมื่อเกิดอุบัติรุนแรง บางครั้งผู้โดยสารไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น กรมขนส่งทางบก จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งเข้าไปจัดระเบียบรถโรงเรียน เพราะเป็นระบบโดยสารที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนซึ่งเป็นคนกลุ่มใหญ่ของสังคม
อย่างไรก็ตาม คาดว่า อาจต้องใช้ระยะเวลาศึกษาเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการรถโรงเรียนสักระยะ โดยหากอนาคตสามารถดำเนินการจดทะเบียนผู้ประกอบการได้สำเร็จอาจจะมีการนำระบบควบคุมความเร็วผู้ขับรถโดยสารสาธารณะ (อาร์เอฟไอดี) มาบังคับใช้กับผู้ประกอบการรถโรงเรียนด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้มีการขับขี่รถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยป้องกัน ลดอุบัติเหตุ และความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้
