บอร์ด กกร.ทำคลอด 42 บัญชีสินค้าและบริการควบคุม ปี 55 เพิ่มเข้าใหม่ 8 รายการ เน้นสินค้าปัจจัยด้านการเกษตร พร้อมตัดออก 7 รายการในกลุ่มที่แข่งขันสูง “ยรรยง” ลั่นจับตาสินค้าเป็นรายกลุ่ม สกัดพ่อค้าอ้าง “น้ำมัน-แอลพีจี” ราคาแพงกระฉูด ชี้ เฟ้อทั้งปีไม่เกิน 3.8% “พลังงาน” เล็งตั้งคณะทำงาน 3 ชุดพิจารณาปรับเอ็นจีวีภาคขนส่ง
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) โดยระบุว่า ที่ประชุมได้พิจารณาทบทวนบัญชีสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 2555 โดยได้เพิ่มรายการสินค้าควบคุม 8 รายการ ตัดสินค้าออกจากบัญชีควบคุมจำนวน 7 รายการ ทำให้มีสินค้าและบริการในบัญชีควบคุมรวมทั้งสิ้น 42 รายการ แยกเป็น สินค้า 39 รายการ และบริการ 3 รายการ ซึ่งจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 24 มกราคม 2555
สำหรับสินค้าและบริการที่ได้เพิ่มเข้ามาในรายการควบคุม 8 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัจจัยการเกษตร ได้แก่ เครื่องสูบน้ำ รถไถนา รถเกี่ยวข้าว เครื่องวัดความชื้นข้าว เครื่องตรวจสอบคุณภาพข้าว เครื่องชั่งวัดอัตราส่วนร้อยละของแป้งในหัวมัน กระดาษชำระและกระดาษเช็ดหน้า และบริการทางการเกษตร เช่น การจ้างเกี่ยวข้าว นวดข้าว และสีข้าว เป็นต้น
ส่วนสินค้าที่ตัดออกจากบัญชีควบคุม 7 รายการ ได้แก่ กาแฟผงสำเร็จรูป นมเปรี้ยวพร้อมดื่มและโยเกิร์ต แชมพู น้ำยาซักฟอก น้ำยาล้างจาน สบู่ และกระดาษเหนียว เนื่องจากเห็นว่ามีการแข่งขันกันสูง
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้กำหนดให้มีการปิดป้ายแสดงราคาจำหน่ายปลีกสินค้า 237 รายการ และบริการ 48 รายการ โดยเพิ่มรายการที่ได้มีการกำหนดเป็นสินค้าควบคุมในช่วงน้ำท่วม แต่ไม่มีอยู่ในรายการเดิม 5 รายการ ได้แก่ เสื้อชูชีพ เรือขนาดเล็กไม่เกิน 15 ที่นั่ง รองเท้าบูตยาง ผลิตภัณฑ์ยาแนวกันน้ำ และเทียนไข รวมทั้งให้ปิดป้ายแสดงราคารับซื้อสินค้าเกษตร 30 รายการเท่าเดิม แต่ปรับปรุงรายการให้เหมาะสม คือ ยกเลิกปอฟอกและฝ้ายทั้งเมล็ด เนื่องจากปัจจุบันไม่มีการซื้อขายแล้ว เพิ่มมะนาวและลองกอง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีการซื้อขายกันมากขึ้น
นายยรรยง ยังกล่าวถึงการดูแลราคาสินค้าในช่วงที่ราคาพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการขนส่งสินค้า โดยยืนยันว่า กระทรวงพาณิชย์จะติดตามดูแลราคาสินค้าเป็นรายกลุ่ม รายสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการปรับขึ้นของราคาพลังงาน เช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง อาหาร และเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน
“ที่จะดูมากขึ้นก็มี 2-3 กลุ่ม อย่างเช่น กลุ่มวัสดุก่อสร้าง พวกปูนซิเมนต์ เหล็ก กลุ่มอาหาร และพวกเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น ว่า ราคาเป็นอย่างไรในช่วงที่น้ำมันแพง ก๊าซขึ้น เพราะสินค้าเหล่านี้นอกจากบางตัวจะอยู่ในรายการควบคุมแล้ว ยังมีสินค้าที่ต้องติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด จะต้องไม่ปล่อยให้ปรับขึ้นตามกระแส ไม่ใช่พอน้ำมันขึ้น ก็ต้องขึ้น”
สำหรับการปรับขึ้นราคาก๊าซแอลพีจีซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการขนส่งนั้น ได้มีการประเมินไว้แล้วว่าในการปรับขึ้นทั้งปี จะมีผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อเพียง 0.05% เท่านั้น โดยเฉพาะผลกระทบต่อตัวสินค้ามีแค่ 0.02-0.03% เท่านั้น ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่า ในปี 2555 กระทรวงพาณิชย์จะดูแลให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบ 3.3-3.8% ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้
นายสุเทพ เหลี่ยมศิริเจริญ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า กระทรวงพลังงานได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาทบทวนการปรับราคาเอ็นจีวีขึ้นมาทั้งหมด 3 ชุด เพื่อทำหน้าที่ในการศึกษาข้อมูลต้นทุนราคาก๊าซเอ็นจีวี หลังจากที่กลุ่มผู้ประกอบการขนส่งได้มีการเรียกร้องให้ทบทวนชะลอการปรับขึ้นราคาเอ็นจีวีออกไป เนื่องจากสร้างภาระต้นทุนค่าขนส่งในระยะยาว