ASTVผู้จัดการรายวัน - 5 ประเทศ เปิดตัว ชิงเจ้าภาพ จัดเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ รัสเซีย และ บราซิล ตัดสินใจนาทีสุดท้าย ขณะที่ ประเทศไทย ไม่หวั่น เชื่อธีมจัดงาน กินขาด หวั่นแพ้กำลังเงิน ล่าสุด ทำใจปรับแผนประชาสัมพันธ์ใช้โซเซียลเน็ตเวิร์ก แทนออกแคมเปญใหญ่ ด้านกรมการท่องเที่ยว เผย ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติธันวาคมนี้ฟื้นแล้ว
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.กล่าวว่า ในการประชุมสมัชชาใหญ่ สำนักงานมหกรรมโลก หรือ BIE ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นภายหลังการปิดรับสมัครประเทศที่สนใจเข้าร่วมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ปี 2020 โดยที่ประชุม รายงานว่า มีประเทศเสนอตัวเข้าชิงเป็นเจ้าภาพจัดงานในปีดังกล่าวรวมทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ ตุรกี (เมืองอิสเมียร์), รัสเซีย (เมืองอิแคทรินเบิร์ก), บราซิล (เมืองเซาเปาโล), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เมืองดูไบ) และ ประเทศไทย (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) จากก่อนหน้านี้ มีเพียงตุรกี และไทย เพียงสองประเทศเท่านั้น ที่แสดงเจตจำนงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคู่แข่งขันเพิ่มมากขึ้น แต่ สสปน.ไม่ได้หวั่นวิตก เพราะจากการเตรียมพร้อมมาตลอด 2 ปี ถึงวันนี้ไทยเป็นประเทศแรก ที่เปิดตัวมาสคอต ธีมการจัดงาน และแผนการทำงานอย่างชัดเจนสุด และในโอกาสที่ได้ ขึ้นเวทีนำเสนอแผนการทำงานให้แก่ประเทศสมาชิกทั้ง 158 ประเทศ ที่เข้าร่วมงาน พบว่า ไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับเสียงปรบมือนานที่สุดใน 5 ประเทศ ขณะเดียวกัน สสปน.ยังใช้โอกาสนี้ พูดถึงสถานการณ์น้ำท่วมของประเทศไทย ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยในการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำลด เพื่อสร้างความเข้าใจและมั่นใจ โดยระบุชัดเจนว่า เป็นปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติในรอบ 50 ปี ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ การเลือกอยุธยาเป็นพื้นที่จัดงานก็ได้เตรียมพร้อมเรื่องการบริการจัดงานน้ำ และการจัดระบบสิ่งอำนวยความสะดวก เส้นทางคมนาคมไว้หมดแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้ สสปน.และรัฐบาลไทย เพิ่มความรัดกุมในการวางแผนการทำงานให้มากขึ้น
“ใน 5 ประเทศที่เข้าชิงเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 หากการตัดสินวัดกันที่ธีมงานและแนวคิดการจัดงาน Redefine Globalisation : Balanced Life, Sustainable Living หรือ นิยามใหม่ของโลกาภิวัตน์-วิถีที่ยั่งยืน เพื่อโลกที่สมดุล ซึ่งมองว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นกระแสหลัก จึงเชื่อว่าประเทศไทยไม่แพ้ชาติใด แต่หากจะตัดสินที่กำลังเงิน ไทยก็น่าเป็นห่วงเมื่องเทียบกับประเทศคู่แข่งขัน ที่มีเงินมากกว่า”
นายอรรคพล กล่าวว่า ถึงวันนี้ สสปน.จะเดินหน้าในการนำเสนอประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 แม้จะถูกตัดงบประมาณที่จะใช้เตรียมตัว 100 ล้านบาท ในปี งบประมาณ 2555 ออกไป โดยจะหันมาปรับใช้เงินจากงบประจำปี ชะลอแผนการประชาสมัพันธืและการจัดแคมเปญสร้างการรับรู้ แต่จะหันมาใช้สื่อโซเชียลมีเดีย และการตลาดแบบไดเร็กเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และ กระทรวงพาณิชย์ ในการนำเสนอประเทศไทยให้เป็นที่รับรู้และยอมรับในสมาชิกที่จะลงคะแนนโหวต และยังมั่นใจว่า ไทยจะทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนเอเชีย และ ตัวแทนประเทศในกลุ่มอาเซียน ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งคาดว่า จะได้คะแนดโหวตจากประเทสกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การอนุมัติกรอบวงเงินที่จะใช้เตรียมเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ รัฐบาลก่อนหน้าได้อนุมัติไว้ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท และเงินการเตรียมตัว 50 ล้านบาทในปี 2554 ที่ผ่านมา ปัจจัยที่เชื่อว่าไทยจะได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ คือธีมการจัดงาน และ ความเป็นอาเซียนบวก 3และบวก 6 คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 37 ล้านคน ตลอด 6 เดือนที่จัดงาน ส่วนประเทศอื่นจะเสนอตัวเลขที่ 39 ล้านคน และในการจัด บีโอไอแฟร์ 15-18 ม.ค.55 นายวิเซนต์ กอนซาเลซ เลขาธิการ บีไออี จะขึ้นปาฐกถา พิเศษด้วย โดยจากนี้ประเทศไทยจะนำเสนอต่อ บีไออีอีกครั้ง มิ.ย.55 ก่อนที่จะมีการตัดสินในเดือน พ.ย.56
****ยันนักท่องเที่ยวธันวาคมนี้ฟื้นแล้ว***
นายสุพล ศรีพันธุ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11 เดือนปีนี้(ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนรวม 17.1 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน 2.99 ล้านคน หรือ 21.19% แต่หากดูเฉพาะเดือนพ.ย.54 พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 1.21 ล้านคน ลดลง 260,000 คน หรือ 17.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นเดือนแรกในรอบปีนี้ที่จำนวนนักท่องเที่ยวลด ขณะที่เดือน ธ.ค. คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่น้อยกว่า 1.6 ล้านคน ทำให้ภาพรวมตลอปีนี้ไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 18.7 ล้านคน เป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการประมาณการของ ททท. โยตลาดหลักที่ยังคงเดินทางเข้ามาในช่วงหลังน้ำลด ได้แก่ มาเลเซีย, รัสเซีย, จีน และออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้สัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยนวเริ่มกลับเข้ามาแล้ว โดยดูจากจำนวนนักท่องเมที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิขณะนี้เริ่มกลับขึ้นเป็นบวก
นายอรรคพล สรสุชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน.กล่าวว่า ในการประชุมสมัชชาใหญ่ สำนักงานมหกรรมโลก หรือ BIE ที่ผ่านมา ซึ่งจัดขึ้นภายหลังการปิดรับสมัครประเทศที่สนใจเข้าร่วมเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ปี 2020 โดยที่ประชุม รายงานว่า มีประเทศเสนอตัวเข้าชิงเป็นเจ้าภาพจัดงานในปีดังกล่าวรวมทั้งหมด 5 ประเทศ ได้แก่ ตุรกี (เมืองอิสเมียร์), รัสเซีย (เมืองอิแคทรินเบิร์ก), บราซิล (เมืองเซาเปาโล), สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (เมืองดูไบ) และ ประเทศไทย (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) จากก่อนหน้านี้ มีเพียงตุรกี และไทย เพียงสองประเทศเท่านั้น ที่แสดงเจตจำนงการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพการจัดงานมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคู่แข่งขันเพิ่มมากขึ้น แต่ สสปน.ไม่ได้หวั่นวิตก เพราะจากการเตรียมพร้อมมาตลอด 2 ปี ถึงวันนี้ไทยเป็นประเทศแรก ที่เปิดตัวมาสคอต ธีมการจัดงาน และแผนการทำงานอย่างชัดเจนสุด และในโอกาสที่ได้ ขึ้นเวทีนำเสนอแผนการทำงานให้แก่ประเทศสมาชิกทั้ง 158 ประเทศ ที่เข้าร่วมงาน พบว่า ไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับเสียงปรบมือนานที่สุดใน 5 ประเทศ ขณะเดียวกัน สสปน.ยังใช้โอกาสนี้ พูดถึงสถานการณ์น้ำท่วมของประเทศไทย ความร่วมมือร่วมใจของคนไทยในการฟื้นฟูประเทศหลังน้ำลด เพื่อสร้างความเข้าใจและมั่นใจ โดยระบุชัดเจนว่า เป็นปรากฏการณ์ภัยธรรมชาติในรอบ 50 ปี ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งก่อนหน้านี้ การเลือกอยุธยาเป็นพื้นที่จัดงานก็ได้เตรียมพร้อมเรื่องการบริการจัดงานน้ำ และการจัดระบบสิ่งอำนวยความสะดวก เส้นทางคมนาคมไว้หมดแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นทำให้ สสปน.และรัฐบาลไทย เพิ่มความรัดกุมในการวางแผนการทำงานให้มากขึ้น
“ใน 5 ประเทศที่เข้าชิงเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 หากการตัดสินวัดกันที่ธีมงานและแนวคิดการจัดงาน Redefine Globalisation : Balanced Life, Sustainable Living หรือ นิยามใหม่ของโลกาภิวัตน์-วิถีที่ยั่งยืน เพื่อโลกที่สมดุล ซึ่งมองว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้าจะเป็นกระแสหลัก จึงเชื่อว่าประเทศไทยไม่แพ้ชาติใด แต่หากจะตัดสินที่กำลังเงิน ไทยก็น่าเป็นห่วงเมื่องเทียบกับประเทศคู่แข่งขัน ที่มีเงินมากกว่า”
นายอรรคพล กล่าวว่า ถึงวันนี้ สสปน.จะเดินหน้าในการนำเสนอประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป 2020 แม้จะถูกตัดงบประมาณที่จะใช้เตรียมตัว 100 ล้านบาท ในปี งบประมาณ 2555 ออกไป โดยจะหันมาปรับใช้เงินจากงบประจำปี ชะลอแผนการประชาสมัพันธืและการจัดแคมเปญสร้างการรับรู้ แต่จะหันมาใช้สื่อโซเชียลมีเดีย และการตลาดแบบไดเร็กเพิ่มมากขึ้น โดยจะเน้นทำงานร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และ กระทรวงพาณิชย์ ในการนำเสนอประเทศไทยให้เป็นที่รับรู้และยอมรับในสมาชิกที่จะลงคะแนนโหวต และยังมั่นใจว่า ไทยจะทำหน้าที่ในฐานะตัวแทนเอเชีย และ ตัวแทนประเทศในกลุ่มอาเซียน ในการเป็นเจ้าภาพจัดงาน ซึ่งคาดว่า จะได้คะแนดโหวตจากประเทสกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้การอนุมัติกรอบวงเงินที่จะใช้เตรียมเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ รัฐบาลก่อนหน้าได้อนุมัติไว้ที่ 3.1 หมื่นล้านบาท และเงินการเตรียมตัว 50 ล้านบาทในปี 2554 ที่ผ่านมา ปัจจัยที่เชื่อว่าไทยจะได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพ คือธีมการจัดงาน และ ความเป็นอาเซียนบวก 3และบวก 6 คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงาน 37 ล้านคน ตลอด 6 เดือนที่จัดงาน ส่วนประเทศอื่นจะเสนอตัวเลขที่ 39 ล้านคน และในการจัด บีโอไอแฟร์ 15-18 ม.ค.55 นายวิเซนต์ กอนซาเลซ เลขาธิการ บีไออี จะขึ้นปาฐกถา พิเศษด้วย โดยจากนี้ประเทศไทยจะนำเสนอต่อ บีไออีอีกครั้ง มิ.ย.55 ก่อนที่จะมีการตัดสินในเดือน พ.ย.56
****ยันนักท่องเที่ยวธันวาคมนี้ฟื้นแล้ว***
นายสุพล ศรีพันธุ์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 11 เดือนปีนี้(ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนรวม 17.1 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน 2.99 ล้านคน หรือ 21.19% แต่หากดูเฉพาะเดือนพ.ย.54 พบว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 1.21 ล้านคน ลดลง 260,000 คน หรือ 17.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นเดือนแรกในรอบปีนี้ที่จำนวนนักท่องเที่ยวลด ขณะที่เดือน ธ.ค. คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไม่น้อยกว่า 1.6 ล้านคน ทำให้ภาพรวมตลอปีนี้ไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ 18.7 ล้านคน เป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับการประมาณการของ ททท. โยตลาดหลักที่ยังคงเดินทางเข้ามาในช่วงหลังน้ำลด ได้แก่ มาเลเซีย, รัสเซีย, จีน และออสเตรเลีย ซึ่งขณะนี้สัญญาณการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยนวเริ่มกลับเข้ามาแล้ว โดยดูจากจำนวนนักท่องเมที่ยวที่สนามบินสุวรรณภูมิขณะนี้เริ่มกลับขึ้นเป็นบวก