ไทยเบฟฯ เข็นน้ำดื่มช้าง 600 ซีซี จำนวน 1 ล้านขวด เปิดขาย 9 จุด จุดละ 1 หมื่นแพ็ค ระยะเวลา 9 วัน สำหรับผู้ที่จะซื้อต้องนำบัตรประชาชนมาแสดงที่จุดรับบัตรคิว ตามสถานที่ที่กำหนด จำกัดรายละ 5 แพ็ค หรือไม่เกิน 60 ขวด รายได้ทั้งหมดมอบมูลนิธิชัยพัฒนา
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตน้ำดื่มช้าง กล่าวถึงการบรรเทาปัญหาน้ำดื่มขาดแคลน โดยระบุว่า บริษัทได้เตรียมน้ำดื่มขนาด 600 ซีซี จำนวน 1 ล้านขวดออกจำหน่าย ซึ่งกำหนดจุดขาย 9 แห่งใน 9 วัน โดยได้รับความอนุเคราะห์จากกรุงเทพมหานคร สยามนิรมิตร และศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยจะเปิดจำหน่ายวันละ 1 จุด จุดละ 1 หมื่นแพ็ค (แพ็คละ 12 ขวด) ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 9 วัน โดยจะเริ่มจำหน่ายวันแรกวันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 นี้ ที่บริเวณ ลานพระบรมรูปทรงม้า
สำหรับผู้ที่จะซื้อต้องนำบัตรประชาชนมาแสดงที่จุดรับบัตรคิว ตามสถานที่ที่กำหนด เพื่อสามารถกระจายน้ำดื่มช้างให้ได้มากที่สุด โดยจำกัดท่านละ 5 แพ็ค (60 ขวด) และขอให้ซื้อตามความต้องการในการบริโภคของครอบครัวในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อแบ่งปันให้กับผู้ประสบภัยรายอื่นได้มีโอกาสหาซื้อได้
สำหรับสถานที่จำหน่าย จะเริ่มจากลานพระบรมรูปทรงม้า วันที่ 9 พฤศจิกายน 2554 จากนั้นเป็นศาลากลางนนทบุรี สยามนิรมิต สวนหลวง ร.9 วงเวียนใหญ่ เซ็นทรัล พระราม 2 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สวมลุมพินี 16 พฤศจิกายน และลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม. โดยจะมอบรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายเพื่อโครงการช่วยเหลือฟื้นฟูผู้ประสบอุทกภัยของมูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อนำไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย ตามเจตนาของมูลนิธิ
"จากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อช่วง 2 เดือนที่แล้ว บริษัทผู้ผลิตน้ำดื่มช้างก็ประสบปัญหา เนื่องจากโรงงานผลิตน้ำช้างที่จังหวัดอยุธยาถูกน้ำโอบล้อม ทำให้ไม่สามารถขนส่งสินค้าได้มากเท่ากับจำนวนปกติ อย่างไรก็ตาม จากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา บริษัทได้นำน้ำดื่มช้างบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้วถึง 4 ล้านขวด"
นอกจากนี้ ยังพยายามหาวิธีที่จะนำน้ำดื่มช้างออกมากระจายให้พอกับความต้องการของประชาชน โดยล่าสุดได้ใช้วิธีการขนส่งทางแพ ที่ต้องใช้เรือลากจูงมาจากโรงงานที่ อำเภอบางบาล โดยใช้ถึง 18 ชั่วโมงกว่าจะมาถึงท่าของโรงงานในกรุงเทพมหานคร จึงมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยน้ำดื่มที่นำออกมาได้ จะนำมาจำหน่ายให้กับประชาชนควบคู่กับการนำไปบริจาคให้กับผู้ประสบภัย
