“พาราไดซ์ พาร์ค” ซุ่มผุดเฟสที่สอง มีที่ดินรองรับแล้ว 8 ไร่ ข้างโครงการแรก คาดใช้งบไม่ต่ำกว่า 800 ล้านบาท รับร้านค้าเช่าที่มีเวสติ้งลีสต์เพียบ เผยรายได้ 1,000 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบตลาดอีก 300 ล้านบาทรับขึ้นปีที่สองลุยกิจกรรม ส่งเสริมการขาย
นางชฎาทิพ จูตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อขยายโครงการพาราไดซ์พาร์ค เฟสที่ 2 ซึ่งมีที่ดินรองรับไว้แล้วข้างๆโครงการ จำนวน 8 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินเดิมของร้านอาหารบัวที่บริษัทฯทำสัญญาเช่าจากเจ้าของที่ดินระยะเวลานาน 28 ปีแล้ว เบื้องต้นนี้บริษัทฯทำเป็นที่จอดรถก่อน
ทั้งนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวางแผนในรายละเอียดของโครงการ แต่เบื้องต้นจะเป็นโครงการที่สามารถเชื่อมต่อขยายจากเฟสที่ 1 ที่เปิดบริการไปแล้วได้ และจะทำให้โครงการมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น คาดว่าจะมีพื้นที่ประมาณ 20,000 -30,000 ตารางเมตร ลงทุนขั้นต่ำ 700-800 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ และใช้ระยะเวลประมาณ 18 ปีในการก่อสร้าง
หลังจากที่บริษัทฯเปิดตัวโครงการพาราไดซ์ พาร์ค มาครบ 1 ปีพอดีในเดือนกันยายนนี้ ปรากฏว่าได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี และมีร้านค้าจำนวนมากที่ต้องการเข้ามาเช่าพื้นที่กว่า 40 รายชื่อ (Waiting List) แต่บริษัทฯไม่มีพื้นที่ให้แล้วแม้ว่าจะโครงการมีพื้นที่มากถึง 300,000 ตารางเมตร และเป็นพื้นที่เช่าประมาณ 120,000 ตารางเมตรก็ตาม จึงเป็นที่มาของการขยายเฟสที่สอง
ทั้งนี้บริษัทฯมีรายได้จากพาราไดซ์ พาร์ค ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 1,000 ล้านบาท มาจากค่าเช่าเป็นหลักเฉลี่ย 1,200 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และค่าเช่าพื้นที่จากอีเวนต์และค่าเช่าโฆษณา โดยมีปริมาณคนเข้าศูนย์เฉลี่ย 100,000 คนต่อวัน รวมทั้งชาวต่างชาติด้วยประมาณ 15% ทั้งจากนักท่องเที่ยวและคนทำงานในย่านตะวันออกของกรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายของลุกค้าในศูนย์เฉลี่ย 7,000 กว่าบาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งนับว่าสูงมากกับศูนย์การค้าที่อยู่ชานเมือง
นอกจากนั้นบริษัทฯยังยกเลิกพื้นที่เชิงพาณิชย์ของบริษัทเองเพื่อปรับปรุงให้เป็นพื้นที่เช่าของร้านค้าที่ต้องการเข้ามาเปิดบริการในศูนย์อีกจำนวนมาก ร้านใหม่ๆเช่น ร้าน MANGO ร้านESP ร้านBasichouse เป็นต้น และเตรียมเปิดโซนใหม่ “คิดส์สปอร์ตแลนด์” ศูนย์พัฒนการเด็กด้วยกีฬาโดยบริษัท อินเตอร์แฟค ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ที่ร่วมมือกับรักลูกกรุ๊ป วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬามหาวิทยาลัยมหิดล ในเดือนมีนาคมปีหน้า
สำหรับแคมเปญฉลองครบรอบ 1 ปี คือ “เฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปี กับ 11 ต้นไม้มหัศจรรรย์ และ 111 รางวัลใหญ่” จัดวันที่ 23-25 กันยายน พบกับกิจกรรมและสินค้ามากมาย พร้อมทั้งรายการส่งเสริมการขาย “พาราไดซ์ พาร์ค เฉลิมฉลอง ครบรอบ 1 ปี” ตั้งแต่วันนี้- 31 ตุลาคมศกนี้ เมื่อชอปครอบทุก 1,000 บาท รับคูปองชิงโชค 111 รางวัล ลุ้นรางวัลใหญ่สุด รถยนต์อีซูซุมิวเซเว่น 1 รางวัล มูลค่า 1,245,000 บาท
นางชฎาทิพกล่าวต่อว่า ตั้งแต่เดือนก.ค. 54 - เดือนมิ.ย. 55 บริษัทฯเตรียมงบประมาณด้านการตลาดมากกว่า 300 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนไตรมาสสุดท้ายเราใช้งบตลาด 30 ล้านบาทโดยในรอบปีที่แล้วใช้งบตลาดประมาณ 300 ล้านบาท เทียบเท่ากับศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดกิจกรรมมากกว่า 400 งาน รวมทั้งการใช้กลยุทธ์ ซีอาร์เอ็ม ด้วยการเปิดตัวบัตร วิซการ์ด เชิญลูกค้าเป็นสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิกพาราไดซ์พาร์คประมาณ 30,000 คน แอคทีฟ 60% แบ่งเป็น 3 บัตรคือ 1.แบล็กการ์ด ยอดซื้อเฉลี่ย 30,000 บาทต่อใบเสร็จ 2.ไททาเนียมการ์ด ยอดซื้อ 7,000 บาทต่อใบเสร็จ และ 3. ไวท์การ์ด ยอดซื้อเฉลี่ย 3,500 บาทต่อใบเสร็จ
“ไตรมาสสุด้ายปีนี้มองว่ากำลังซื้อดีมาก หากไม่มีปัจจัยลบอะไรเกิดขึ้นอีก นักท่องเที่วยต่างชาติก็เดินทางเข้ามามากขึ้น แต่ตอนนี้ห่วงเรื่องของน้ำท่วมในต่างจังหวัดงที่อาจจะฉุดจีดีพีลดลงก็ได้ ” นางชฎาทิพกล่าว
นางชฎาทิพ จูตระกูล รองประธานกรรมการ บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯอยู่ระหว่างการวางแผนเพื่อขยายโครงการพาราไดซ์พาร์ค เฟสที่ 2 ซึ่งมีที่ดินรองรับไว้แล้วข้างๆโครงการ จำนวน 8 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินเดิมของร้านอาหารบัวที่บริษัทฯทำสัญญาเช่าจากเจ้าของที่ดินระยะเวลานาน 28 ปีแล้ว เบื้องต้นนี้บริษัทฯทำเป็นที่จอดรถก่อน
ทั้งนี้อยู่ระหว่างการศึกษาวางแผนในรายละเอียดของโครงการ แต่เบื้องต้นจะเป็นโครงการที่สามารถเชื่อมต่อขยายจากเฟสที่ 1 ที่เปิดบริการไปแล้วได้ และจะทำให้โครงการมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น คาดว่าจะมีพื้นที่ประมาณ 20,000 -30,000 ตารางเมตร ลงทุนขั้นต่ำ 700-800 ล้านบาท คาดว่าปีหน้าจะเริ่มพัฒนาโครงการได้ และใช้ระยะเวลประมาณ 18 ปีในการก่อสร้าง
หลังจากที่บริษัทฯเปิดตัวโครงการพาราไดซ์ พาร์ค มาครบ 1 ปีพอดีในเดือนกันยายนนี้ ปรากฏว่าได้รับความสำเร็จเป็นอย่างดี และมีร้านค้าจำนวนมากที่ต้องการเข้ามาเช่าพื้นที่กว่า 40 รายชื่อ (Waiting List) แต่บริษัทฯไม่มีพื้นที่ให้แล้วแม้ว่าจะโครงการมีพื้นที่มากถึง 300,000 ตารางเมตร และเป็นพื้นที่เช่าประมาณ 120,000 ตารางเมตรก็ตาม จึงเป็นที่มาของการขยายเฟสที่สอง
ทั้งนี้บริษัทฯมีรายได้จากพาราไดซ์ พาร์ค ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ประมาณ 1,000 ล้านบาท มาจากค่าเช่าเป็นหลักเฉลี่ย 1,200 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน และค่าเช่าพื้นที่จากอีเวนต์และค่าเช่าโฆษณา โดยมีปริมาณคนเข้าศูนย์เฉลี่ย 100,000 คนต่อวัน รวมทั้งชาวต่างชาติด้วยประมาณ 15% ทั้งจากนักท่องเที่ยวและคนทำงานในย่านตะวันออกของกรุงเทพฯ มีค่าใช้จ่ายของลุกค้าในศูนย์เฉลี่ย 7,000 กว่าบาทต่อคนต่อครั้ง ซึ่งนับว่าสูงมากกับศูนย์การค้าที่อยู่ชานเมือง
นอกจากนั้นบริษัทฯยังยกเลิกพื้นที่เชิงพาณิชย์ของบริษัทเองเพื่อปรับปรุงให้เป็นพื้นที่เช่าของร้านค้าที่ต้องการเข้ามาเปิดบริการในศูนย์อีกจำนวนมาก ร้านใหม่ๆเช่น ร้าน MANGO ร้านESP ร้านBasichouse เป็นต้น และเตรียมเปิดโซนใหม่ “คิดส์สปอร์ตแลนด์” ศูนย์พัฒนการเด็กด้วยกีฬาโดยบริษัท อินเตอร์แฟค ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด ที่ร่วมมือกับรักลูกกรุ๊ป วิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬามหาวิทยาลัยมหิดล ในเดือนมีนาคมปีหน้า
สำหรับแคมเปญฉลองครบรอบ 1 ปี คือ “เฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปี กับ 11 ต้นไม้มหัศจรรรย์ และ 111 รางวัลใหญ่” จัดวันที่ 23-25 กันยายน พบกับกิจกรรมและสินค้ามากมาย พร้อมทั้งรายการส่งเสริมการขาย “พาราไดซ์ พาร์ค เฉลิมฉลอง ครบรอบ 1 ปี” ตั้งแต่วันนี้- 31 ตุลาคมศกนี้ เมื่อชอปครอบทุก 1,000 บาท รับคูปองชิงโชค 111 รางวัล ลุ้นรางวัลใหญ่สุด รถยนต์อีซูซุมิวเซเว่น 1 รางวัล มูลค่า 1,245,000 บาท
นางชฎาทิพกล่าวต่อว่า ตั้งแต่เดือนก.ค. 54 - เดือนมิ.ย. 55 บริษัทฯเตรียมงบประมาณด้านการตลาดมากกว่า 300 ล้านบาท เพื่อรุกตลาดจัดกิจกรรมต่างๆ ส่วนไตรมาสสุดท้ายเราใช้งบตลาด 30 ล้านบาทโดยในรอบปีที่แล้วใช้งบตลาดประมาณ 300 ล้านบาท เทียบเท่ากับศูนย์การค้าสยามพารากอน จัดกิจกรรมมากกว่า 400 งาน รวมทั้งการใช้กลยุทธ์ ซีอาร์เอ็ม ด้วยการเปิดตัวบัตร วิซการ์ด เชิญลูกค้าเป็นสมาชิก ปัจจุบันมีสมาชิกพาราไดซ์พาร์คประมาณ 30,000 คน แอคทีฟ 60% แบ่งเป็น 3 บัตรคือ 1.แบล็กการ์ด ยอดซื้อเฉลี่ย 30,000 บาทต่อใบเสร็จ 2.ไททาเนียมการ์ด ยอดซื้อ 7,000 บาทต่อใบเสร็จ และ 3. ไวท์การ์ด ยอดซื้อเฉลี่ย 3,500 บาทต่อใบเสร็จ
“ไตรมาสสุด้ายปีนี้มองว่ากำลังซื้อดีมาก หากไม่มีปัจจัยลบอะไรเกิดขึ้นอีก นักท่องเที่วยต่างชาติก็เดินทางเข้ามามากขึ้น แต่ตอนนี้ห่วงเรื่องของน้ำท่วมในต่างจังหวัดงที่อาจจะฉุดจีดีพีลดลงก็ได้ ” นางชฎาทิพกล่าว