xs
xsm
sm
md
lg

คาดหยุดยาว “วันแม่” เม็ดเงินสะพัด 2 หมื่นล.เทศกาล “สารทจีน” หนุนคึก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คาดหยุดยาววันแม่ บวกเทศกาลสารทจีนปีนี้ เงินสะพัดรวมเกือบ 2 หมื่นล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่เป็นการเพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าที่แพงขึ้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจทัศนคติและพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนเกี่ยวกับวันแม่ จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,164 คน ระหว่างวันที่ 1-6 ส.ค.ว่า ในช่วงเทศกาลวันแม่ รวมหยุด 3 วัน จะมีปริมาณเงินสะพัดรวม 1.61 หมื่นล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 13.6% โดยจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยโดยรวม 4,081 บาทต่อวัน ซึ่งผู้ตอบสูงถึง 49.08% ระบุว่า จะมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ การใช้จ่ายเกี่ยวกับกิจกรรมในช่วงวันแม่ ได้แก่ พาแม่ไปทานข้าว จำนวนเงิน 1,054 บาท เพิ่มขึ้น 6.7% พาครอบครัวไปทานข้าว จำนวนเงิน 1,547 บาท เพิ่มขึ้น 8.8% ทำอาหารทานที่บ้าน จำนวนเงิน 1,122 บาท เพิ่มขึ้น 6.9% เป็นต้น ขณะที่การใช้จ่ายในการซื้อของขวัญให้แม่ ผู้ตอบ 30.3% จะซื้อพวงมาลัยและดอกไม้ จำนวนเงิน 186 บาท เพิ่มขึ้น 4.2% ผู้ตอบ 15..4% จะซื้อเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า จำนวนเงิน 1,107 บาท เพิ่มขึ้น 4.7% และผู้ตอบ 13.9% จะให้เงินสด ทองคำ จำนวนเงิน 1,883 บาท เพิ่มขึ้น 5.2% เป็นต้น

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงวันสารทจีน จะมีการใช้จ่ายโดยรวมเฉลี่ย 2,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 5.2% โดยผู้ตอบ 65.1% คิดว่า ราคาของไหว้ในปัจจุบันแพงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าในช่วงเทศกาลสารทจีน ผู้ตอบส่วนใหญ่ตอบว่าราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ทั้ง หมู เป็ด ไก่ ปลา ผลไม้และขนมต่างๆ เช่น ขนมเข่ง ขนมถ้วยฟู ขนมเทียน รวมทั้งกับข้าวต่างๆ

ส่วนการเปลี่ยนแปลงของปริมาณการซื้อสินค้า ผู้ตอบส่วนใหญ่จะซื้อหมูในปริมาณที่ลดลง และจะหันมาซื้อเป็นและไก่มากขึ้น โดยเห็นว่าการซื้อของไหว้ทุกอย่างจะมีราคาสูงขึ้น

“จากผลการสำรวจทั้งหมด สรุปพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงวันหยุดวันแม่ และวันสารทจีน สรุปได้ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ยังคงจับจ่ายใช้สอยอยู่ แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ยังคงมีอยู่ จนทำให้ยอดเงินสะพัดขยายตัวได้สูงกว่าปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่า การที่ยอดใช้จ่ายสูงขึ้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายมากนัก แต่เป็นเพราะราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้องใช้เงินมากขึ้น เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะต้องเข้ามาดูแล เพราะไม่เช่นนั้นจะมีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคต”
กำลังโหลดความคิดเห็น