แฮปปี้โฮม แก้เกมแผ่นผี ช่วยร้านเช่าหนัง ทุ่ม 10 ล้านบาท ผุดโมเดลต่อยอดธุรกิจไตรมาส 4 ลุยช่องทางดิจิตอล โวปีนี้เติบโต30%สูงสุดในรอบ 6 ปี รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท เหตุพระนเรศวร 2 ภาคช่วยดันยอด
นายอัครพล เตชะรัตนประเสิรฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้ โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเช่าซื้อวีซีดีและดีวีดีของบริษัทมีแนวโน้มดีมาก คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 30% สูงสุดตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมาในรอบ 6 ปี หรือเป็นปีแรกที่มั่นใจว่าจะมีรายได้แตะ1,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ราว 800 กว่าล้านบาท แบ่งออกเป็นตลาดเช่า 30% และซื้อขายอีก 70% ส่วนสำคัญมาจากภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3-4 ที่เข้าฉายในปีนี้ ซึ่งต่อภาคมั่นใจว่าทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ พบว่า ในครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ไปแล้วกว่า 370-400 ล้านบาท โตขึ้น 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีหลังมั่นใจว่าจะมีการเติบโตถึง 50% เนื่องจากเตรียมนำภาพยนตร์กว่า240 เรื่องเข้าสู่ตลาดเช่าและซื้อ โดยปีนี้ต่อเดือนจะมีภาพยนตร์สู่ตลาดเช่าราว 20-25 เรื่อง และเป็นหนังใหม่เพิ่งออกจากโรงอาทิตย์ละ 1 เรื่องมากกว่าปีก่อนที่มีหนังเข้าสู่ตลาดเช่าเดือนละ 12-14 เรื่องเท่านั้น ซึ่งปีนี้ได้ปรับกลยุทธ์ทางด้านเซอร์วิส เน้นการส่งสินค้าให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้รายได้ในส่วนของตลาดเช่าดีกว่าปีก่อนถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดเช่าทั่วประเทศ จะมีร้านเช่าปิดตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยในกรุงเทพปัจจุบันมีเพียง 300 ร้าน จากช่วง3 ปีก่อนมีกว่า 500 ร้าน
ล่าสุด ทางบริษัทได้ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ 2 โครงการ คือ โมเดลในส่วนของตลาดเช่า และอีกส่วนคือ โมเดลช่องทางหารายได้ใหม่จากช่องทางดิจิตอล คาดว่าจะเริ่มรันได้ในช่วงเดือนต.คนี้ หรือไม่เกินไตรมาสสี่ปีนี้ หากใช้ได้ผลจริง จะช่วยให้ธุรกิจเช่าจะกลับมาดีขึ้น ส่วนช่องทางดิจิตอล จะเป็นการแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จากพวกแผ่นผีและดึงรายได้กลับคืนมาได้บางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มภาพยนตร์ไทย นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี ทางบริษัทยังจะมีการปรับโลโก้ใหม่ เพื่อต่อยอดสู่การหารายได้เพิ่มขึ้นด้วย
นายอัครพล เตชะรัตนประเสิรฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แฮปปี้ โฮม เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจเช่าซื้อวีซีดีและดีวีดีของบริษัทมีแนวโน้มดีมาก คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 30% สูงสุดตั้งแต่ดำเนินธุรกิจมาในรอบ 6 ปี หรือเป็นปีแรกที่มั่นใจว่าจะมีรายได้แตะ1,000 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ราว 800 กว่าล้านบาท แบ่งออกเป็นตลาดเช่า 30% และซื้อขายอีก 70% ส่วนสำคัญมาจากภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์ เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3-4 ที่เข้าฉายในปีนี้ ซึ่งต่อภาคมั่นใจว่าทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ พบว่า ในครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ไปแล้วกว่า 370-400 ล้านบาท โตขึ้น 10% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันในปีก่อน ขณะที่ครึ่งปีหลังมั่นใจว่าจะมีการเติบโตถึง 50% เนื่องจากเตรียมนำภาพยนตร์กว่า240 เรื่องเข้าสู่ตลาดเช่าและซื้อ โดยปีนี้ต่อเดือนจะมีภาพยนตร์สู่ตลาดเช่าราว 20-25 เรื่อง และเป็นหนังใหม่เพิ่งออกจากโรงอาทิตย์ละ 1 เรื่องมากกว่าปีก่อนที่มีหนังเข้าสู่ตลาดเช่าเดือนละ 12-14 เรื่องเท่านั้น ซึ่งปีนี้ได้ปรับกลยุทธ์ทางด้านเซอร์วิส เน้นการส่งสินค้าให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้รายได้ในส่วนของตลาดเช่าดีกว่าปีก่อนถึงแม้ว่าภาพรวมตลาดเช่าทั่วประเทศ จะมีร้านเช่าปิดตัวอย่างต่อเนื่องก็ตาม โดยในกรุงเทพปัจจุบันมีเพียง 300 ร้าน จากช่วง3 ปีก่อนมีกว่า 500 ร้าน
ล่าสุด ทางบริษัทได้ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท พัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ 2 โครงการ คือ โมเดลในส่วนของตลาดเช่า และอีกส่วนคือ โมเดลช่องทางหารายได้ใหม่จากช่องทางดิจิตอล คาดว่าจะเริ่มรันได้ในช่วงเดือนต.คนี้ หรือไม่เกินไตรมาสสี่ปีนี้ หากใช้ได้ผลจริง จะช่วยให้ธุรกิจเช่าจะกลับมาดีขึ้น ส่วนช่องทางดิจิตอล จะเป็นการแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์จากพวกแผ่นผีและดึงรายได้กลับคืนมาได้บางส่วน โดยเฉพาะในกลุ่มภาพยนตร์ไทย นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี ทางบริษัทยังจะมีการปรับโลโก้ใหม่ เพื่อต่อยอดสู่การหารายได้เพิ่มขึ้นด้วย