กรมส่งออกบุกเรือนจำสหรัฐฯ หาช่องทางเพิ่มยอดส่งออก คาดส่งสินค้าไทยไปขายได้เพิ่มขึ้นแน่ พร้อมจับตลาดชาวฮิสแปนิค ดึงดูงานแสดงสินค้าในไทยก่อนจับคู่ทำธุรกิจ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงผลการนำคณะผู้แทนการค้าไทยเดินทางไปสำรวจลู่ทางการค้าในตลาดสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 7-11 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการเดินทางไปดูลู่ทางการตลาด ระบบการจำหน่าย และการขนส่งสินค้าในสถานกักกันในรัฐเทกซัส ซึ่งพบว่า มีโอกาสในการเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค และเครื่องแบบของผู้คุมและนักโทษ เครื่องมือเครื่องใช้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ในสถานกักกัน จากปัจจุบันที่มีสินค้าเข้าไปทำตลาดอยู่แล้ว ได้แก่ ทูน่า ซอสพริก ข้าว บะหมี่สำเร็จรูป และกล่องใส่อาหารทำจากชานอ้อย ของขบเคี้ยว โลชั่นบำรุงผิว แชมพู สบู่ รองเท้าแตะ เสื้อผ้าชุดชั้นใน เป็นต้น
ทั้งนี้ ตลาดกลุ่มทัณฑสถานในสหรัฐฯ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่กรมฯ ได้เริ่มบุกเบิกตั้งแต่ปี 2552 รวมไปถึงกลุ่มโรงแรม สถานศึกษา เรือสำราญ โรงพยาบาล สวนสนุกและกองทัพ โดยปัจจุบันทัณฑสถานในสหรัฐฯ มีผู้กระทำผิดและถูกคุมขังมีประมาณ 75,000 คน กระจายกว่า 60 ทัณฑสถาน และหากรวมโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงแรม เรือสำราญ จะเป็นตลาดเฉพาะที่มีกำลังซื้อไม่แพ้กลุ่มซูเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า เฉลี่ยมีการสั่งซื้อปีละ 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 690,000 ล้านบาท โดยผู้นำเข้าสำคัญ บริษัท มิด สเตรท อิงค์ สนใจจะสั่งซื้อสินค้าอาหารและบริการตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับทัณฑสถานและฐานทัพต่างๆ ในรัฐเทกซัส จอร์เจีย และ แอริโซนา ที่ผ่านมา บริษัทนำเข้าสินค้ากว่า 2,500 ชนิดและสามารถให้บริการส่งสินค้าได้ภายใน 1 วัน และส่งไประเทศเปอร์โตริโกได้ในวันถัดไป
สำหรับการหารือกับหอการค้าฮิสแปนิคที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีสมาชิกกว่า 4,000 ราย พบว่า รายได้กลุ่มฮิสแปนิคเฉลี่ยมากกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐฯ และมีรสนิยมประกอบอาหารรับประทานเองมากกว่าไปตามร้านอาหารยอดนิยม จึงนิยมใช้ของสด อาทิ เครื่องปรุงรส ซอส ในอาหารประเภทอาหารทะเล หมู ไก่ ปลาหมึก เป็นต้น โดยเสนอให้จัดคณะผู้แทนการค้ากลุ่มฮิสแปนิคมาเยือนไทยในงานแสดงอาหารไทยเฟ็กซ์ หรืองานแสดงสินค้าเครื่องใช้และของตกแต่งบ้าน เพื่อก้าวสู่การเจรจาการค้าต่อไป
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงผลการนำคณะผู้แทนการค้าไทยเดินทางไปสำรวจลู่ทางการค้าในตลาดสหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 7-11 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้มีการเดินทางไปดูลู่ทางการตลาด ระบบการจำหน่าย และการขนส่งสินค้าในสถานกักกันในรัฐเทกซัส ซึ่งพบว่า มีโอกาสในการเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค และเครื่องแบบของผู้คุมและนักโทษ เครื่องมือเครื่องใช้ รวมถึงเฟอร์นิเจอร์ในสถานกักกัน จากปัจจุบันที่มีสินค้าเข้าไปทำตลาดอยู่แล้ว ได้แก่ ทูน่า ซอสพริก ข้าว บะหมี่สำเร็จรูป และกล่องใส่อาหารทำจากชานอ้อย ของขบเคี้ยว โลชั่นบำรุงผิว แชมพู สบู่ รองเท้าแตะ เสื้อผ้าชุดชั้นใน เป็นต้น
ทั้งนี้ ตลาดกลุ่มทัณฑสถานในสหรัฐฯ เป็นกลุ่มเป้าหมายที่กรมฯ ได้เริ่มบุกเบิกตั้งแต่ปี 2552 รวมไปถึงกลุ่มโรงแรม สถานศึกษา เรือสำราญ โรงพยาบาล สวนสนุกและกองทัพ โดยปัจจุบันทัณฑสถานในสหรัฐฯ มีผู้กระทำผิดและถูกคุมขังมีประมาณ 75,000 คน กระจายกว่า 60 ทัณฑสถาน และหากรวมโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงแรม เรือสำราญ จะเป็นตลาดเฉพาะที่มีกำลังซื้อไม่แพ้กลุ่มซูเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า เฉลี่ยมีการสั่งซื้อปีละ 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 690,000 ล้านบาท โดยผู้นำเข้าสำคัญ บริษัท มิด สเตรท อิงค์ สนใจจะสั่งซื้อสินค้าอาหารและบริการตัดเย็บเสื้อผ้าให้กับทัณฑสถานและฐานทัพต่างๆ ในรัฐเทกซัส จอร์เจีย และ แอริโซนา ที่ผ่านมา บริษัทนำเข้าสินค้ากว่า 2,500 ชนิดและสามารถให้บริการส่งสินค้าได้ภายใน 1 วัน และส่งไประเทศเปอร์โตริโกได้ในวันถัดไป
สำหรับการหารือกับหอการค้าฮิสแปนิคที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีสมาชิกกว่า 4,000 ราย พบว่า รายได้กลุ่มฮิสแปนิคเฉลี่ยมากกว่า 40,000 เหรียญสหรัฐฯ และมีรสนิยมประกอบอาหารรับประทานเองมากกว่าไปตามร้านอาหารยอดนิยม จึงนิยมใช้ของสด อาทิ เครื่องปรุงรส ซอส ในอาหารประเภทอาหารทะเล หมู ไก่ ปลาหมึก เป็นต้น โดยเสนอให้จัดคณะผู้แทนการค้ากลุ่มฮิสแปนิคมาเยือนไทยในงานแสดงอาหารไทยเฟ็กซ์ หรืองานแสดงสินค้าเครื่องใช้และของตกแต่งบ้าน เพื่อก้าวสู่การเจรจาการค้าต่อไป
