“อลงกรณ์” ร่อน จม.เปิดผนึก ส่งถึง ขรก.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ยันไม่ได้ใช้อำนาจการเมืองแทรกแซงผลสอบ “ดีแทค” หรือให้สรุปเป็นอย่างอื่น เพราะการทำงานก็เป็นอิสระ ยันการสั่งให้ “อธิบดี” กล่าวโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งต่างจากที่ท่านเห็นว่า ควรส่งเรื่องให้ตำรวจ อย่างนี้ใช้คำว่า แทรกแซงไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องการบริหารราชการปกติ ถ้าบอกว่า “รัฐมนตรี” มีความเห็นต่างกับ “อธิบดี” น่าจะเป็นธรรมกว่า
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วันนี้ ตนเองได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงข้าราชการกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค และคำสั่งให้ นายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีกับดีแทค โดยเนื้อหาจดหมายดังกล่าว ระบุว่า ไม่เคยแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบของคณะทำงานตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นดีแทค ซึ่งมีนายบรรยงค์ เป็นประธาน โดยคณะทำงานสามารถทำงานได้โดยอิสระ และไม่เคยแทรกแซงผลการตรวจสอบ หรือให้สรุปเป็นอย่างอื่น
เนื้อหาส่วนหนึ่งของจดหมายดังกล่าว ระบุว่า “ผมไม่เข้าใจว่า ผมแทรกแซงอะไร ท่านอธิบดีคงหมายถึงการสั่งการให้กรม กล่าวโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งต่างจากที่ท่านอธิบดีเห็นว่า ควรส่งเรื่องให้ตำรวจสอบสวนต่อไป โดยกรมจะไม่กล่าวโทษใคร อย่างนี้ใช้คำว่า แทรกแซงไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องการบริหารราชการปกติ ถ้าบอกว่ารัฐมนตรีมีความเห็นต่างกับอธิบดีน่าจะเป็นธรรมกับผมมากกว่า”
นอกจากนี้ ยังระบุว่า คำสั่งการของตนเองก็ให้ยึดผลตรวจสอบของคณะทำงานฯ เป็นสำคัญ และให้ท่านอธิบดีใช้ดุลยพินิจในการกล่าวโทษได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้ไปก้าวล่วงแต่อย่างใด ตนเองไม่ต้องการโต้เถียงว่ามีอำนาจสั่งการหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญสำหรับตนเอง สิ่งที่อยากเห็นคือ เมื่อผลตรวจสอบสรุปว่ามีมูลอันเชื่อได้ว่า มีการกระทำผิดกฎหมาย ท่านอธิบดีควรต้องรักษากฎหมาย และบังคับใช้กฎหมาย
จดหมายดังกล่าวยังระบุว่า คำสั่งที่ให้อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแจ้งความเอาผิดกับดีแทค รวมถึงบุคคล และนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องนั้น เป็นคำสั่งในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (ผู้รักษาการตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 โดย รมว.พาณิชย์เดินทางไปราชการต่างประเทศ) และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้กำกับดูแลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตาม พ.ร.บ.บริหารราชการแผ่นดิน