สทท. จี้รัฐแก้กฎหมาย หนุนใช้อาคารเก่าปรับเป็น บูทีค โฮเทล อ้างเป็นธุรกิจของคนไทย 100% ฉะหน่วยงานรัฐไม่จริงใจแก้ปัญหา ปล่อยเรื่องค้าง 2 ปี ไม่คืบหน้า
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธายฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท.เปิดเผยว่า เตรียมเสนอเรื่องให้กระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการปรับปรุงข้อกำหนด กฎกระทรวง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมให้ทันสมัยและยืดหยุ่นขึ้น เพื่อรองรับผู้ประกอบการที่จะนำอาคารเก่า มาปรับปรุงเป็นโรงแรม ในรูปแบบบูทีค โฮเทล ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในกลุ่มความสนใจเฉพาะ ซึ่งโรงแรมกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นยของผู้ประกอบการคนไทย 100% โดยที่ผ่านแม้จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแต่กระบวนการแก้ไขยังช้ามาก
ต้องการให้กระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการปรับปรุงข้อกำหนด กฎกระทรวง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมให้ทันสมัย และยืดหยุ่นขึ้นโดยเฉพาะกฎหมายที่จะรองรับผู้ประกอบการที่จะนำอาคารเก่ามาปรับปรุงเป็นโรงแรม เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวหลากหลายขึ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบความสนใจเฉพาะ โปรโมทโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ หรือ บูทีค โฮเทล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของคนไทยจริงๆ และเป็นที่พักที่สอดคล้องความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ
“แนวโน้มพฤติกรรมการเลือกที่พักของนักท่องเที่ยวปรับเปลี่ย มีสไตล์ของตัวเองมากขึ้น แต่ภาครัฐของไทยกลับยังไม่มีการพัฒนาด้านกฎหมายให้สอดคล้องกับนโยบายรวมที่ต้องการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศ เพราะกฎหมายที่ใช้อยู่เป็นเงื่อนไขเก่าที่ใช้มาหลายสิบปี ไม่เอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบการที่นำอาคารเก่ามาพัฒนาเป็นโรงแรมสามารถจดทะเบียนโรงแรมอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้”
ประเด็นที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถนำโรงแรมเข้าจดทะเบียนได้ เช่น พื้นที่ว่าง และที่จอดรถ ไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ซึ่งควรปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยยังคงสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ หากเป็นไปได้ต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ศึกษากฎหมายในยุโรปซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีผู้ประกอบการนิยมนำอาคารเก่ามาปรับปรุงเป็นโรงแรม
อย่างไรก็ตาม สทท.ได้นำประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ชี้แจงในหลายเวที เช่น ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ.รวมทั้งในเวทีการประชุมกับภาครัฐอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ระดับผู้ดำเนินนโยบายต่างเห็นด้วยกับประเด็นที่เสนอไป แต่เรื่องการปรับปรุงกฎหมายก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะฝ่ายปฏิบัติไม่ได้เดินตามแนวทาง จึงควรเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องเร่งดำเนินการ
***ฉะรัฐไม่จริงใจ 2 ปี ไม่คืบหน้า***
ทางด้าน นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สมาคมได้นำประเด็นปัญหาดังกล่าวเข้าหารือกับ รมว.มหาดไทย และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้เร่งดำเนินการควบคุมให้โรงแรมขอใบอนุญาตประกอบกิจการให้ถูกต้องสอดคล้องกับ พ.ร.บ.โรงแรม ฉบับใหม่ที่บังคับใช้มา 2 ปีแล้ว ซึ่ง รมว.ทั้ง 2 กระทรวง รับปากว่าจะดูแลให้ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร
ปัจจุบันมีโรงแรมจำนวนมาก ที่นำอาคารเก่ามาปรับปรุงเป็นโรงแรม แต่ไม่ได้มาขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางธุรกิจ เพราะมีต้นทุนการเสียภาษีต่างกัน โดยธุรกิจที่จดทะเบียนตามกฎหมายจะมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้เสียความสามารถทางการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังต้องการให้ภาครัฐเร่งจัดการเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่ลงทุนธุรกิจโรงแรม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจำนวนโรงแรมในพื้นที่มากเกินความต้องการ เกิดปัญหาห้องพักล้นตลาด และเกิดสงครามราคา กระทบธุรกิจภาพรวม
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธายฝ่ายนโยบายสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ สทท.เปิดเผยว่า เตรียมเสนอเรื่องให้กระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการปรับปรุงข้อกำหนด กฎกระทรวง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมให้ทันสมัยและยืดหยุ่นขึ้น เพื่อรองรับผู้ประกอบการที่จะนำอาคารเก่า มาปรับปรุงเป็นโรงแรม ในรูปแบบบูทีค โฮเทล ตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวในกลุ่มความสนใจเฉพาะ ซึ่งโรงแรมกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นยของผู้ประกอบการคนไทย 100% โดยที่ผ่านแม้จะส่งเรื่องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งแต่กระบวนการแก้ไขยังช้ามาก
ต้องการให้กระทรวงมหาดไทย เร่งดำเนินการปรับปรุงข้อกำหนด กฎกระทรวง และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรมให้ทันสมัย และยืดหยุ่นขึ้นโดยเฉพาะกฎหมายที่จะรองรับผู้ประกอบการที่จะนำอาคารเก่ามาปรับปรุงเป็นโรงแรม เนื่องจากที่ผ่านมาภาครัฐมีนโยบายส่งเสริมตลาดนักท่องเที่ยวหลากหลายขึ้นส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบความสนใจเฉพาะ โปรโมทโรงแรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ หรือ บูทีค โฮเทล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นของคนไทยจริงๆ และเป็นที่พักที่สอดคล้องความต้องการของนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะ
“แนวโน้มพฤติกรรมการเลือกที่พักของนักท่องเที่ยวปรับเปลี่ย มีสไตล์ของตัวเองมากขึ้น แต่ภาครัฐของไทยกลับยังไม่มีการพัฒนาด้านกฎหมายให้สอดคล้องกับนโยบายรวมที่ต้องการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสร้างรายได้เข้าประเทศ เพราะกฎหมายที่ใช้อยู่เป็นเงื่อนไขเก่าที่ใช้มาหลายสิบปี ไม่เอื้ออำนวยให้ผู้ประกอบการที่นำอาคารเก่ามาพัฒนาเป็นโรงแรมสามารถจดทะเบียนโรงแรมอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้”
ประเด็นที่ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถนำโรงแรมเข้าจดทะเบียนได้ เช่น พื้นที่ว่าง และที่จอดรถ ไม่เป็นไปตามกฎหมายกำหนด ซึ่งควรปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยยังคงสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวได้ ทั้งนี้ หากเป็นไปได้ต้องการให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ศึกษากฎหมายในยุโรปซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีผู้ประกอบการนิยมนำอาคารเก่ามาปรับปรุงเป็นโรงแรม
อย่างไรก็ตาม สทท.ได้นำประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น ชี้แจงในหลายเวที เช่น ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน หรือ กรอ.รวมทั้งในเวทีการประชุมกับภาครัฐอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่ระดับผู้ดำเนินนโยบายต่างเห็นด้วยกับประเด็นที่เสนอไป แต่เรื่องการปรับปรุงกฎหมายก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะฝ่ายปฏิบัติไม่ได้เดินตามแนวทาง จึงควรเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่ต้องเร่งดำเนินการ
***ฉะรัฐไม่จริงใจ 2 ปี ไม่คืบหน้า***
ทางด้าน นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สมาคมได้นำประเด็นปัญหาดังกล่าวเข้าหารือกับ รมว.มหาดไทย และ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ขอให้เร่งดำเนินการควบคุมให้โรงแรมขอใบอนุญาตประกอบกิจการให้ถูกต้องสอดคล้องกับ พ.ร.บ.โรงแรม ฉบับใหม่ที่บังคับใช้มา 2 ปีแล้ว ซึ่ง รมว.ทั้ง 2 กระทรวง รับปากว่าจะดูแลให้ แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าอะไร
ปัจจุบันมีโรงแรมจำนวนมาก ที่นำอาคารเก่ามาปรับปรุงเป็นโรงแรม แต่ไม่ได้มาขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจถูกต้องตามกฎหมาย ส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางธุรกิจ เพราะมีต้นทุนการเสียภาษีต่างกัน โดยธุรกิจที่จดทะเบียนตามกฎหมายจะมีต้นทุนที่สูงกว่า ทำให้เสียความสามารถทางการแข่งขัน นอกจากนั้น ยังต้องการให้ภาครัฐเร่งจัดการเรื่องการจัดระเบียบพื้นที่ลงทุนธุรกิจโรงแรม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจำนวนโรงแรมในพื้นที่มากเกินความต้องการ เกิดปัญหาห้องพักล้นตลาด และเกิดสงครามราคา กระทบธุรกิจภาพรวม