ททท.ร่วมสภาฯท่องเที่ยว ผนึกทุกภาคส่วน กระตุ้นเที่ยวโลว์ซีซั่น นำร่องจัดโครงการฟื้นท่องเที่ยวภาคใต้หลังน้ำลด เชิญสื่อร่วมสำรวจพื้นที่ ส่วนภาคเหนือชูโครงการกรีนซีซั่น ภาคอีสาน เที่ยวโดยรถไฟ ประธาน สทท.เผยตัวเลขประมาณการณ์ปีนี้ คนไทยเที่ยวในประเทศทะลักโตพรวด 5% แตะ 95 ล้านคนครั้ง ขณะที่ ผู้ว่าการ ททท.คุย สงกรานต์เงินสะพัด เกือบ 8พันล้านบาท
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า สทท.ได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น โดยจะนำร่อง สำรวจเส้นทางภาคใต้ ระหว่างวันที่ 29 เม.ย.-3 พ.ค.54 โดยจะเชิญสื่อมวลชน 20 คน และบริษัทนำเที่ยว 70 คน เดินทาง วัตถุประสงค์ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์น้ำลด โดยต้องการให้สื่อมวลชน ได้ลงพื้นที่จริง เพื่อตรวจสอบ ความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และ กระบี่ มาบอกกล่าวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้รับรู้และกลับเข้าไปท่องเที่ยวตามปกติ
สำหรับภาคเหนือจะมีการสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “กรีนซีซั่น” เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.-9 พ.ค.54 โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง ส่วนภาคอีสาน จับมือกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย และ สำนักงาน ททท.ภูมิภาคอีสาน ทำคู่มือเดินทางท่องเที่ยวทางรถไฟ เพื่อให้นักท่องเที่ยวปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น และก่อเกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น โดยจะเน้น เรื่องของความสะดวก ปลอดภัย รวมถึงข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว
นางศุลีพร เสรีวัฒนา กรรมการ สทท.และ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผลจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคใต้ แหล่งท่องเที่ยว จ.นครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบเพียง 2 เส้นทาง คิดเป็น 5% ของแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่พื้นที่ชายฝั่งทะเล และ ในอ.เมือง ไม่ได้รับผลกระทบ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ตามปกติ จ.สุราษฎร์ธานี มีเพียง เขาสก ที่ไม่ได้รับผลกระทบ ที่เหลือ ยังเที่ยวได้ตามปกติ
***คนไทยเที่ยวในประเทศโต5%***
อย่างไรก็ตามในการประชุม คณะกรรมการ สทท. นางปิยะมาน ยังได้ สรุปผลการประมาณการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวประจำปี 2554 โดยประเมินว่าตลอดปีนี้ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 16.7-17.2 ล้านคน สร้างรายได้ 6.22-6.4 แสนล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 5-8% โดยเป็นการประมาณการณ์ที่ลดลง จากเมื่อต้นปีที่คาดว่า ปีนี้จะเติบโต 8-10% สาเหตุเพราะปัจจัยลบ ในเรื่องของ ปัญหาราคาน้ำมันแพง ผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ในตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ ส่วนตลาดในประเทศประเมินว่าปีนี้ จะมีคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ 95.23 ล้านคนครั้ง เติบโตจากปีก่อน 5% สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ เป็นการเดินทางเพื่อจัดประชุมสัมมนาของหน่วยงานรัฐและเอกชน และ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล(อินเซนทีฟ) และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเอง ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวมีเพียงส่วนน้อย
**** สแกนฯวันพักลดหันเที่ยวเวียดนาม****
นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ รองประธาน ด้านการตลาด สทท. กล่าวว่า คณะอนุกรรมการด้านการตลาด ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ โดยพบว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากตลาดสแกนดิเนเวีย มีการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ คือ หันมาซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในประเทศไทย เพื่อพักอาศัย แทนการเข้าพักโรงแรม และมีจำนวนวันพักลดลง ตัดสินใจเดินทางช้าลง ไม่ตกลงล่วงหน้า 6-12 เดือนเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ยอดจองล่วงหน้าลดลง 30-40% เพื่อต้องการได้ราคาการจองที่ถูกที่สุด เน้นการหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต
เป็นเพราะผลจาก วิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลง เดินทางชอตฮอลล์เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังพบว่า ตลาดสแกน ต้องการให้ไทยนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เนื่องจาก 60% เป็นกลุ่มมาซ้ำ สนใจแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกหรือเฮอริเทจ ชื่นชอบนิวเดสติเนชั่น ทำให้พบว่า ตลาดท่องเที่ยวของกลุ่มสแกนใน เวียดนามโตขึ้นถึง 30% สำหรับตลาดอื่นๆ เช่น รัสเซีย และ กลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งมีการเติบโตสูง แต่ก็มีการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการสูง มีผลเกิดสงครามราคา ส่วนตลาดแนวโน้มเติบโตสูง คือ จีน และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่
**ททท.ปลื้มสงกรานต์เงินสะพัดเกือบ 8 พันลบ.**
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความคึกคัก โดยมีอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยทั้งประเทศที่ 65% มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 5 ภูมิภาค 3,040,805 คน เกิดรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กว่า 8,511 ล้านบาท ขณะที่ 13 พื้นที่ จัดงานสงกรานต์ที่ ททท.เข้าไปร่วมสนับสนนุ พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้มากกว่าที่คาดการณ์ คือมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 13 พื้นที่ 1.3 ล้านคน เกิดรายได้ กว่า 2.95 พันล้านบาท สูงกว่าที่ททท.ตั้งไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยว 1.05 ล้านคน รายได้ 2 พันล้านบาท
นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เปิดเผยว่า สทท.ได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดโครงการกระตุ้นท่องเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่น โดยจะนำร่อง สำรวจเส้นทางภาคใต้ ระหว่างวันที่ 29 เม.ย.-3 พ.ค.54 โดยจะเชิญสื่อมวลชน 20 คน และบริษัทนำเที่ยว 70 คน เดินทาง วัตถุประสงค์ เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภายหลังสถานการณ์น้ำลด โดยต้องการให้สื่อมวลชน ได้ลงพื้นที่จริง เพื่อตรวจสอบ ความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว ใน 3 พื้นที่หลัก ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และ กระบี่ มาบอกกล่าวให้แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศ ได้รับรู้และกลับเข้าไปท่องเที่ยวตามปกติ
สำหรับภาคเหนือจะมีการสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวภายใต้โครงการ “กรีนซีซั่น” เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 เม.ย.-9 พ.ค.54 โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง คือภาคเหนือตอนบน และภาคเหนือตอนล่าง ส่วนภาคอีสาน จับมือกับ การรถไฟแห่งประเทศไทย และ สำนักงาน ททท.ภูมิภาคอีสาน ทำคู่มือเดินทางท่องเที่ยวทางรถไฟ เพื่อให้นักท่องเที่ยวปรับเปลี่ยนพฤติกรรม มาใช้บริการรถสาธารณะมากขึ้น และก่อเกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น โดยจะเน้น เรื่องของความสะดวก ปลอดภัย รวมถึงข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว
นางศุลีพร เสรีวัฒนา กรรมการ สทท.และ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ผลจากอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคใต้ แหล่งท่องเที่ยว จ.นครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบเพียง 2 เส้นทาง คิดเป็น 5% ของแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดเท่านั้น ขณะที่พื้นที่ชายฝั่งทะเล และ ในอ.เมือง ไม่ได้รับผลกระทบ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางได้ตามปกติ จ.สุราษฎร์ธานี มีเพียง เขาสก ที่ไม่ได้รับผลกระทบ ที่เหลือ ยังเที่ยวได้ตามปกติ
***คนไทยเที่ยวในประเทศโต5%***
อย่างไรก็ตามในการประชุม คณะกรรมการ สทท. นางปิยะมาน ยังได้ สรุปผลการประมาณการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวประจำปี 2554 โดยประเมินว่าตลอดปีนี้ จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 16.7-17.2 ล้านคน สร้างรายได้ 6.22-6.4 แสนล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 5-8% โดยเป็นการประมาณการณ์ที่ลดลง จากเมื่อต้นปีที่คาดว่า ปีนี้จะเติบโต 8-10% สาเหตุเพราะปัจจัยลบ ในเรื่องของ ปัญหาราคาน้ำมันแพง ผลกระทบจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น ปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง ในตะวันออกกลาง และ แอฟริกาเหนือ ส่วนตลาดในประเทศประเมินว่าปีนี้ จะมีคนไทยเดินทางเที่ยวในประเทศ 95.23 ล้านคนครั้ง เติบโตจากปีก่อน 5% สร้างรายได้ 3 แสนล้านบาท โดยส่วนใหญ่ เป็นการเดินทางเพื่อจัดประชุมสัมมนาของหน่วยงานรัฐและเอกชน และ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล(อินเซนทีฟ) และนักท่องเที่ยวที่เดินทางเอง ส่วนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านบริษัทนำเที่ยวมีเพียงส่วนน้อย
**** สแกนฯวันพักลดหันเที่ยวเวียดนาม****
นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ รองประธาน ด้านการตลาด สทท. กล่าวว่า คณะอนุกรรมการด้านการตลาด ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินธุรกิจ โดยพบว่า พฤติกรรมนักท่องเที่ยวจากตลาดสแกนดิเนเวีย มีการปรับเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ คือ หันมาซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในประเทศไทย เพื่อพักอาศัย แทนการเข้าพักโรงแรม และมีจำนวนวันพักลดลง ตัดสินใจเดินทางช้าลง ไม่ตกลงล่วงหน้า 6-12 เดือนเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ยอดจองล่วงหน้าลดลง 30-40% เพื่อต้องการได้ราคาการจองที่ถูกที่สุด เน้นการหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต
เป็นเพราะผลจาก วิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้กำลังซื้อลดลง เดินทางชอตฮอลล์เพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังพบว่า ตลาดสแกน ต้องการให้ไทยนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ เนื่องจาก 60% เป็นกลุ่มมาซ้ำ สนใจแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกหรือเฮอริเทจ ชื่นชอบนิวเดสติเนชั่น ทำให้พบว่า ตลาดท่องเที่ยวของกลุ่มสแกนใน เวียดนามโตขึ้นถึง 30% สำหรับตลาดอื่นๆ เช่น รัสเซีย และ กลุ่มตะวันออกกลาง ซึ่งมีการเติบโตสูง แต่ก็มีการแข่งขันในกลุ่มผู้ประกอบการสูง มีผลเกิดสงครามราคา ส่วนตลาดแนวโน้มเติบโตสูง คือ จีน และอินเดีย ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหม่
**ททท.ปลื้มสงกรานต์เงินสะพัดเกือบ 8 พันลบ.**
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา พบว่า อุตสาหกรรมท่องเที่ยวมีความคึกคัก โดยมีอัตราเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยทั้งประเทศที่ 65% มีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 5 ภูมิภาค 3,040,805 คน เกิดรายได้ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กว่า 8,511 ล้านบาท ขณะที่ 13 พื้นที่ จัดงานสงกรานต์ที่ ททท.เข้าไปร่วมสนับสนนุ พบว่ามีจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้มากกว่าที่คาดการณ์ คือมีจำนวนนักท่องเที่ยวรวม 13 พื้นที่ 1.3 ล้านคน เกิดรายได้ กว่า 2.95 พันล้านบาท สูงกว่าที่ททท.ตั้งไว้ว่าจะมีนักท่องเที่ยว 1.05 ล้านคน รายได้ 2 พันล้านบาท