สทน. สุดทนพฤติกรรมขสมก. ฉกนักท่องเที่ยว เดินหน้า ยื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดินสัปดาห์นี้ ขอความเป็นทำ แฉขสมก. ทำทัวร์ตัดราคาเอกชนมา 4 ปี ไม่ฟังเสียงร้องเรียน เดินหน้าขยายเส้นทางทัวร์ต่อเนื่อง ทั้งที่ไม่มีใบอนุญาติประกอบธุรกิจและก็ไม่มีสิทธิขอจดทะเบียน เพราะเป็นรัฐวิสาหกิจ
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ สทน. เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สทน. จะส่งหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการดำเนินงานขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กรณีที่มาทำธุรกิจจัดทัวร์ แข่งขันกับภาคเอกชน เพราะ เสนออัตราค่าบริการที่ถูกกว่าต้นทุนที่แท้จริง เพราะ ขสมก. มีงบประมาณมาสนับสนุนในส่วนของค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ การจัดซื้อรถ ทำให้ต้นทุนถูกกว่าภาคเอกชนที่ลงทุนเองทั้งหมด อีกทั้งขสมก.ยังเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเช่าเหมารถ ในราคาวันละ 6,000 บาทต่อคัน เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมการเดินทางท่องเที่ยว
ทั้งนี้ สทน. มองว่า นโยบายการทำงานดังกล่าวของ ขสมก.เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และ ขัดต่อกฎหมาย เพราะขสมก. ไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจ เพื่อดำเนินกิจการด้านการจัดทัวร์นำเที่ยวอย่างถูกต้องตามกฏหมายที่ผ่านมา เอกชนได้ร้องเรียนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งจากหน่วยงานที่บังคับบัญชาโดยตรง และ จากกระทรวงการท่องเที่ยว ทำให้ต้องตัดสินใจ ขออำนาจให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ามาช่วยเหลือ
“การจัดทัวร์ของ ขสมก. ซึ่งดำเนินการมา 3-4 ปีแล้ว ทำให้เป็นปัญหาสะสมเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่ สทน.ได้ร้องเรียนไปทุกคนยังวางเฉย และ ปล่อยให้ ขสมก. ขยาย เส้นทางเดินรถเพื่อจัดนำเที่ยวไปอีกหลายเส้นทาง ถึงวันนี้คงไม่ทนต่อไปแล้ว เพราะ ที่ผ่านมาเอกชนท่องเที่ยวก็รับความบอบช้ำจาก เหตุการณ์ต่างๆ มามากก็อยากขอให้หน่วยงานรัฐอย่ามาซ้ำเติมกันอีก”
ที่ผ่านมา การร้องเรียนของ สทน. ที่ส่งเรื่องไปยัง ขสมก. ก็ได้รับการตอบรับมาว่า ไม่ได้ทำธุรกิจแข่งกับ เอกชน แต่ สทน. ก็ยังเห็น ขสมก. ลงประกาศ เปิดเส้นทางนำเที่ยวผ่านทางเว็บของ ขสมก. มาตลอด เพื่อแจ้งให้ประชาชนที่สนใจทราบ และ จองเดินทาง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะมาอ้างว่าไม่ได้ทำธุรกิจแข่งกับเอกชนได้อย่างไร
หากเป็นกรณีที่ ขสมก.ตั้งใจช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว ก็ควรเปิดให้เดินทางฟรี อย่าเก็บเงินแม้แต่บาทเดียว ถ้าทำได้ เอกชน จะไม่ว่าอะไร แต่เมื่อ ขสมก. เก็บเงิน ก็เข้าข่ายการทำธุรกิจ และ ถือว่าแข่งขันกับเอกชนด้วย ทั้งที่ตามกฎหมาย รัฐไม่สามารถทำธุรกิจแข่งขันกับเอกชนได้ และ ขสมก. ก็ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว จึงไม่สามารถทำธุรกิจนี้ได้ และหากคิดจะไปจดทะเบียนธุรกิจ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐวิสาหกิจไม่สามารถขอจดทะเบียนทำธุรกิจนำเที่ยวได้เนื่องจากไม่ใช่บทบาทที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า ขสมก. ได้จัดโครงการนำเที่ยวทริปล่าสุด ภายใต้ชื่อ โครงการครอบครัวสุขสันต์กับบริการ ขสมก. พร้อมรายละเอียดว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว มีโอกาสท่องเที่ยวช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เน้นกลุ่มเป้าหมายครองบครัว โดยที่ ขสมก. จะใช้รถยูโรทูปรับอากาศสีส้ม มาใช้นำเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง โปรแกรมนำเที่ยวส่วนใหญ่ เป็น เส้นทางไหว้พระ 9 วัด และ เที่ยวตลาด
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ หรือ สทน. เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สทน. จะส่งหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ตรวจสอบการดำเนินงานขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. กรณีที่มาทำธุรกิจจัดทัวร์ แข่งขันกับภาคเอกชน เพราะ เสนออัตราค่าบริการที่ถูกกว่าต้นทุนที่แท้จริง เพราะ ขสมก. มีงบประมาณมาสนับสนุนในส่วนของค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถ การจัดซื้อรถ ทำให้ต้นทุนถูกกว่าภาคเอกชนที่ลงทุนเองทั้งหมด อีกทั้งขสมก.ยังเปิดบริการให้นักท่องเที่ยวเช่าเหมารถ ในราคาวันละ 6,000 บาทต่อคัน เพื่อนำไปใช้ในกิจกรรมการเดินทางท่องเที่ยว
ทั้งนี้ สทน. มองว่า นโยบายการทำงานดังกล่าวของ ขสมก.เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และ ขัดต่อกฎหมาย เพราะขสมก. ไม่ได้จดทะเบียนธุรกิจ เพื่อดำเนินกิจการด้านการจัดทัวร์นำเที่ยวอย่างถูกต้องตามกฏหมายที่ผ่านมา เอกชนได้ร้องเรียนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นนี้มาโดยตลอด แต่ก็ไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งจากหน่วยงานที่บังคับบัญชาโดยตรง และ จากกระทรวงการท่องเที่ยว ทำให้ต้องตัดสินใจ ขออำนาจให้ผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ามาช่วยเหลือ
“การจัดทัวร์ของ ขสมก. ซึ่งดำเนินการมา 3-4 ปีแล้ว ทำให้เป็นปัญหาสะสมเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่ สทน.ได้ร้องเรียนไปทุกคนยังวางเฉย และ ปล่อยให้ ขสมก. ขยาย เส้นทางเดินรถเพื่อจัดนำเที่ยวไปอีกหลายเส้นทาง ถึงวันนี้คงไม่ทนต่อไปแล้ว เพราะ ที่ผ่านมาเอกชนท่องเที่ยวก็รับความบอบช้ำจาก เหตุการณ์ต่างๆ มามากก็อยากขอให้หน่วยงานรัฐอย่ามาซ้ำเติมกันอีก”
ที่ผ่านมา การร้องเรียนของ สทน. ที่ส่งเรื่องไปยัง ขสมก. ก็ได้รับการตอบรับมาว่า ไม่ได้ทำธุรกิจแข่งกับ เอกชน แต่ สทน. ก็ยังเห็น ขสมก. ลงประกาศ เปิดเส้นทางนำเที่ยวผ่านทางเว็บของ ขสมก. มาตลอด เพื่อแจ้งให้ประชาชนที่สนใจทราบ และ จองเดินทาง ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้แล้วจะมาอ้างว่าไม่ได้ทำธุรกิจแข่งกับเอกชนได้อย่างไร
หากเป็นกรณีที่ ขสมก.ตั้งใจช่วยให้ผู้มีรายได้น้อย ได้มีโอกาสเดินทางท่องเที่ยว ก็ควรเปิดให้เดินทางฟรี อย่าเก็บเงินแม้แต่บาทเดียว ถ้าทำได้ เอกชน จะไม่ว่าอะไร แต่เมื่อ ขสมก. เก็บเงิน ก็เข้าข่ายการทำธุรกิจ และ ถือว่าแข่งขันกับเอกชนด้วย ทั้งที่ตามกฎหมาย รัฐไม่สามารถทำธุรกิจแข่งขันกับเอกชนได้ และ ขสมก. ก็ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว จึงไม่สามารถทำธุรกิจนี้ได้ และหากคิดจะไปจดทะเบียนธุรกิจ ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะรัฐวิสาหกิจไม่สามารถขอจดทะเบียนทำธุรกิจนำเที่ยวได้เนื่องจากไม่ใช่บทบาทที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวระบุว่า ขสมก. ได้จัดโครงการนำเที่ยวทริปล่าสุด ภายใต้ชื่อ โครงการครอบครัวสุขสันต์กับบริการ ขสมก. พร้อมรายละเอียดว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนที่ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว มีโอกาสท่องเที่ยวช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เน้นกลุ่มเป้าหมายครองบครัว โดยที่ ขสมก. จะใช้รถยูโรทูปรับอากาศสีส้ม มาใช้นำเที่ยวในพื้นที่กรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง โปรแกรมนำเที่ยวส่วนใหญ่ เป็น เส้นทางไหว้พระ 9 วัด และ เที่ยวตลาด
