บอร์ดปาล์มน้ำมันฯ มีมติให้ชะลอแผนนำเข้าปาล์มน้ำมันจากต่างประเทศ หลังสถานการณ์น้ำมันปาล์มขาดแคลน เริ่มคลี่คลาย คาดผลผลิตปาล์มดิบในประเทศล็อตแรก ทะลักออกสู่ตลาด 14-31 มี.ค.นี้ 1.5 แสนตัน สั่งโรงกลั่นน้ำมันพืชรับซื้อทันที 4 หมื่นตัน ในราคาประกัน กก.ละ 2.50 บาท ส่วนการนำไปผลิตไบโอดีเซล บี 100 ให้ทยอยรับซื้อเพื่อทำ บี2 ป้องกันผลกระทบในการบริโภค
นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ชะลอแผนนำเข้าปาล์มน้ำมันจากต่างประเทศ หลังจากสถานการณ์น้ำมันปาล์มขาดแคลนคลี่คลายลง โดยโควตานำเข้า 30,000 ตันที่ผ่านมา เหลืออยู่ 13 ล้านลิตร มีจำนวนผลิตออกสู่ตลาดได้ 13 ล้านลิตร ซึ่งเพียงพอในการผลิตออกสู่ตลาดถึงวันที่ 14 มีนาคม 2554
หลังจากนั้น วันที่ 14 มีนาคม 2554 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 ผลผลิตปาล์มชุดแรกจะเริ่มออกสู่ตลาด คาดว่าจะมีผลผลิตปาล์มมากถึง 150,000 ตัน จึงให้โรงกลั่นน้ำมันพืชรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงสกัด จำนวน 40,000 ตัน โดยได้รับการชดเชยจากรัฐบาลกิโลกรัมละ 2.50 บาท เพื่อให้มีราคาเท่ากับรับซื้อจากมาเลเซีย
ทั้งนี้ เพื่อให้ราคาขายปลีกปาล์มน้ำมันทุกขนาดยังอยู่ในราคา 47 บาทต่อลิตร ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาปาล์มน้ำมันขาดแคลน หากพบปัญหาอีก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ จะเรียกประชุมด่วนอีกครั้ง
ขณะที่ผู้ค้าน้ำมันที่จะต้องรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) เพื่อนำไปผลิตไบโอดีเซล บี100 ซึ่งมีความต้องการซีพีโอประมาณ 16,500 ตัน เพื่อนำไปผสมเป็นไบโอดีเซล บี2 ที่ประชุมได้กำชับให้ทยอยรับซื้อ เพื่อไม่ให้กระทบต่อการผลิตน้ำมันพืช ซึ่งจำหน่ายให้กับผู้บริโภค
