เมอร์ลินกรุ๊ป เล็งลงทุนธุรกิจสันทนาการในไทยเพิ่มอีก หลังเปิดพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ เป็นทางการไปแล้ว ล่าสุดลงทุนอีก 50 ล้านบาทผุดบ้านผีสิง โรงหนังสี่มิติ แผน 2 ปี ลงทุนเพิ่มอีกแห่งและเทคโอเวอร์กิจการสันทนาการไว้เสริมทัพ
นายพอล วิลเลียมส์ ผู้จัดการทั่วไป พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ กรุงเทพฯ เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมน์ส กรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดบริการ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ กรุงเทพฯ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2553 และเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯมีแผนลงทุนในไทยเพิ่มอีก เพื่อทำให้ธุรกิจมีความครบวงจรมากยิ่งขึ้น และสร้างศักยภาพในการทำตลาดเพิ่มขึ้นด้วย
โดยมีแผนจะลงทุนอีก 50 ล้านบาท ขยายพื้นที่ออกไปอีกจากมาดามทุสโซเดิม เพื่อสร้างแหล่งบันเทิงเพิ่มเติมเช่น การสร้างบ้านผีสิงในเขาวงกตและการสร้างหุ่นจำลองใหม่ๆ รวมทั้งการสร้างโรงหนังสี่มิติ คาดว่าจะเปิดบริการส่วนใหม่นี้ได้ภายในกลางปีนี้ ส่วนหุ่นจำลองตัวใหม่ๆที่จะเพิ่มอีกมี 3 ตัวคือ “บี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว, สไปเดอร์แมน ซูเปอร์ฮีโร่ และจอห์นนี่ เดปป์ ที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นคอนเซ็ปท์ แจ็ค สแปร์โรว์ จากภาพยนตร์เรื่อ Pirates of the Caribbean ซึ่งมีการเปิดตัว หุ่นตัวนี้พร้อมกันทั่วโลกด้วย จากเดิมมี 80 ตัวและจะเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ตัวในทุกๆไตรมาส หรือประมาณ 3-4 ตัวใน 1 ปี เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ 10 ขวบ จนถึงอายุ 70 ปีและ ทำห้ลูกค้าที่เคยมามพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งนี้ได้อีกหลายๆครั้ง
ส่วนแผนระยะยาวจากนี้ 6 เดือน - 2 ปี มีจะลงทุนสร้างสถานบันเทิงแห่งใหม่อีก 1 แห่ง และแผนการเทคโอเวอร์สถานบันเทิง นันทนาการอีก 1 แห่ง โดยอยู่ในกรุงเทพฯ และอยู่ใกล้ๆกับมาดามทุสโซ่เดิมด้วย สาเหตุหลักเพื่อต้องการมีบริการครบวงจร และสามารถขายตั๋วเป็นแพคได้ในราคาต่ำ และกระตุ้นให้คนเข้ามาใช้บริการได้ง่ายขึ้น
“การที่บริษัทเมอร์ลินฯ จะไปเปิดแหล่งท่องเที่ยวที่ไหน ต้องมีการวิจัยด้านการตลาดของแต่ละเมืองใน 3 องค์ประกอบคือ ประชากรในเมืองนั้นๆ มีเทรนด์การเติบโตมากน้อยเท่าไร, เมืองนั้นเป็นแหล่งของนักท่องเที่ยวหรือไม่ และแต่ละปีสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้เท่าไร สุดท้ายคือ คนในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยอย่างไร ซึ่งกรุงเทพฯผ่านเกณฑ์ดังกล่าวทั้งหมด เราจึงเลือกมาเปิดที่สยามพารากอน เพราะย่านสยาม เป็นศูนย์กลางในการช้อปปิ้ง กิน เที่ยว จึงเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของพิพิธภัณฑ์ บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านบาทเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ทั้งนี้“พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ”ได้รับการตอบรับเกินความคาดหมายและมากกว่า 90% ของลูกค้าพอใจอย่างมาก แต่ยอมรับว่า จำนวนคนเข้าชมยังต่ำกว่าเป้าหมายบ้าง เพราะเพิ่งเปิดดำเนินการ แต่ตั้งเป้าหมายคนเข้าชมประมาณ 5 แสนคนในช่วงปีแรกนี้
ล่าสุดเพิ่งปรับกลยุทธ์ด้วยการลดราคาค่าตั๋วลง 50% หรือจำหน่ายคนละ 350 บาท จากเดิม 700 บาท ซึ่งทำให้ปริมาณคนเข้าชมเพิ่มขึ้น ช่วงปีแรกเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นหลัก จะทำตลาดมากขึ้นเช่น การร่วมมือกับ สยามพิวรรธ์ในการโปรโมทให้ มาดามทุสโซ เป็น Destination ที่คู่ไปกับสยามด้วย ต่อด้วยการทำโปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ใหญ่ของไทย อาทิ รถไฟฟ้า BTS ธนาคารกรุงเทพฯ
นายพอล วิลเลียมส์ ผู้จัดการทั่วไป พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ กรุงเทพฯ เมอร์ลิน เอ็นเตอร์เทนเมน์ส กรุ๊ป เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดบริการ พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มาดามทุสโซ กรุงเทพฯ เมื่อเดือนธันวาคมปี 2553 และเพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯมีแผนลงทุนในไทยเพิ่มอีก เพื่อทำให้ธุรกิจมีความครบวงจรมากยิ่งขึ้น และสร้างศักยภาพในการทำตลาดเพิ่มขึ้นด้วย
โดยมีแผนจะลงทุนอีก 50 ล้านบาท ขยายพื้นที่ออกไปอีกจากมาดามทุสโซเดิม เพื่อสร้างแหล่งบันเทิงเพิ่มเติมเช่น การสร้างบ้านผีสิงในเขาวงกตและการสร้างหุ่นจำลองใหม่ๆ รวมทั้งการสร้างโรงหนังสี่มิติ คาดว่าจะเปิดบริการส่วนใหม่นี้ได้ภายในกลางปีนี้ ส่วนหุ่นจำลองตัวใหม่ๆที่จะเพิ่มอีกมี 3 ตัวคือ “บี้-สุกฤษฏิ์ วิเศษแก้ว, สไปเดอร์แมน ซูเปอร์ฮีโร่ และจอห์นนี่ เดปป์ ที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เป็นคอนเซ็ปท์ แจ็ค สแปร์โรว์ จากภาพยนตร์เรื่อ Pirates of the Caribbean ซึ่งมีการเปิดตัว หุ่นตัวนี้พร้อมกันทั่วโลกด้วย จากเดิมมี 80 ตัวและจะเพิ่มอีกอย่างน้อย 1 ตัวในทุกๆไตรมาส หรือประมาณ 3-4 ตัวใน 1 ปี เพื่อให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ 10 ขวบ จนถึงอายุ 70 ปีและ ทำห้ลูกค้าที่เคยมามพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งนี้ได้อีกหลายๆครั้ง
ส่วนแผนระยะยาวจากนี้ 6 เดือน - 2 ปี มีจะลงทุนสร้างสถานบันเทิงแห่งใหม่อีก 1 แห่ง และแผนการเทคโอเวอร์สถานบันเทิง นันทนาการอีก 1 แห่ง โดยอยู่ในกรุงเทพฯ และอยู่ใกล้ๆกับมาดามทุสโซ่เดิมด้วย สาเหตุหลักเพื่อต้องการมีบริการครบวงจร และสามารถขายตั๋วเป็นแพคได้ในราคาต่ำ และกระตุ้นให้คนเข้ามาใช้บริการได้ง่ายขึ้น
“การที่บริษัทเมอร์ลินฯ จะไปเปิดแหล่งท่องเที่ยวที่ไหน ต้องมีการวิจัยด้านการตลาดของแต่ละเมืองใน 3 องค์ประกอบคือ ประชากรในเมืองนั้นๆ มีเทรนด์การเติบโตมากน้อยเท่าไร, เมืองนั้นเป็นแหล่งของนักท่องเที่ยวหรือไม่ และแต่ละปีสามารถรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวได้เท่าไร สุดท้ายคือ คนในประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติมีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยอย่างไร ซึ่งกรุงเทพฯผ่านเกณฑ์ดังกล่าวทั้งหมด เราจึงเลือกมาเปิดที่สยามพารากอน เพราะย่านสยาม เป็นศูนย์กลางในการช้อปปิ้ง กิน เที่ยว จึงเป็นที่ตั้งแห่งใหม่ของพิพิธภัณฑ์ บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร มูลค่าการลงทุนกว่า 500 ล้านบาทเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”
ทั้งนี้“พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ”ได้รับการตอบรับเกินความคาดหมายและมากกว่า 90% ของลูกค้าพอใจอย่างมาก แต่ยอมรับว่า จำนวนคนเข้าชมยังต่ำกว่าเป้าหมายบ้าง เพราะเพิ่งเปิดดำเนินการ แต่ตั้งเป้าหมายคนเข้าชมประมาณ 5 แสนคนในช่วงปีแรกนี้
ล่าสุดเพิ่งปรับกลยุทธ์ด้วยการลดราคาค่าตั๋วลง 50% หรือจำหน่ายคนละ 350 บาท จากเดิม 700 บาท ซึ่งทำให้ปริมาณคนเข้าชมเพิ่มขึ้น ช่วงปีแรกเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยเป็นหลัก จะทำตลาดมากขึ้นเช่น การร่วมมือกับ สยามพิวรรธ์ในการโปรโมทให้ มาดามทุสโซ เป็น Destination ที่คู่ไปกับสยามด้วย ต่อด้วยการทำโปรโมชั่นร่วมกับแบรนด์ใหญ่ของไทย อาทิ รถไฟฟ้า BTS ธนาคารกรุงเทพฯ