xs
xsm
sm
md
lg

วอนรัฐเร่งแก้ปัญหาอียูแบนผักไทย หวั่นโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกสะดุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กระทรวงพาณิชย์ เร่งแก้ไขปัญหาอียูระงับการนำเข้าผักผลไม้ไทย หลังจากยื่นขอผ่อนผันงดส่งออกชั่วคราวตั้งแต่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา หวั่นส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออก ลามถึงร้านอาหารไทยในยุโรป และส่งผลให้โครงการครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาลสะดุด ด้านร้านอาหารไทย วอนรัฐเร่งหาทางแก้ปัญหาก่อนจะได้รับความเสียหาย และสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด ขณะที่กรมส่งเสริมการส่งออก จับมือซุปเปอร์มาร์เก็ตโปรโมตสินค้าไทย

นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึง แนวทางการแก้ไขปัญหากรณีที่สหภาพยุโรป (อียู) ออกมาตรการระงับการนำเข้าพืชผักบางประเภทที่พบปัญหาศัตรูพืช ว่า ขณะนี้ไทยได้ยื่นขอผ่อนผันด้วยการหยุดการส่งออกสินค้าดังกล่าวเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 54 ที่ผ่านมา เพื่อเร่งปรับปรุงคุณภาพพืชผักให้ได้คุณภาพและมาตรฐานตามที่สหภาพยุโรปกำหนดไว้ ขณะเดียวกัน ทางการไทยจะพยายามเจรจาหารือกับอียูเพื่อหาแนวทางให้สินค้าไทยสามารถส่งออกได้ตามปกติ

“ทางการต้องเร่งหามาตรการให้ได้โดยเร็ว เพื่อเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกพืชผักของไทย ซึ่งรวมถึงถูกประเทศคู่แข่งแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด ขณะที่ผู้ส่งออกเองจะต้องคำนึงถึงเรื่องคุณภาพและมาตรฐานของพืชผักด้วย”

นางพรทิวา กล่าวว่า การถูกระงับการส่งออกพืชผักดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อผู้ส่งออกโดยตรง ทำให้สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดในสหภาพยุโรป และอาจจะสูญเสียให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวียดนาม และจีน ที่ส่งออกพืชผักเช่นเดียวกับประเทศไทยได้ รวมถึงอาจจะส่งผลกระทบต่อโครงการครัวไทยสู่ครัวโลกของรัฐบาลด้วย

สำหรับพืชผักที่ถูกสหภาพยุโรประงับการนำเข้าทั้งหมดรวม 15 ประเภท อาทิ กะเพรา โหระพา แมงลัก ยี่หร่า พริกหยวก พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู มะเขือเปราะ มะเขือยาว มะเขือม่วง มะเขือเหลือง มะเขือขาว เป็นต้น

ด้านผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในสวิตเซอร์แลนด์ กล่าวให้ความเห็นว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่องระงับการนำเข้าพืชผักบางประเทศอย่างชัดเจน แต่หากถูกระงับจริง ก็จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจร้านอาหารไทยในยุโรป เนื่องจากพืชผักดังกล่าวเป็นส่วนประกอบสำคัญในการประกอบอาหารไทย และถือเป็นพืชผักที่ไม่สามารถหาทดแทนได้ แม้ว่าจะนำเข้าจากประเทศอื่นก็มีรสชาติที่แตกต่างจากของไทย ซึ่งจะทำให้รสชาติอาหารเปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น จึงต้องการให้ทางการไทยเร่งหาแนวทางแก้ไขโดยด่วน

ส่วนแนวทางการรับมือและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นนั้น ขณะนี้กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารต่างเริ่มกักตุนพืชผักของไทยที่ถูกระงับนำเข้า เพื่อเก็บไว้ใช้ให้ได้นานที่สุด แต่คงจะไม่มากนัก เพราะพืชผักมักจะเสียหายง่าย ขณะเดียวกัน อาจจะต้องมีการปรับแผนนำเข้าจากประเทศอื่นเข้ามาทดแทน รวมถึงนำเข้าพืชผักของไทยผ่านประเทศอื่นที่ไม่สั่งระงับสินค้าของไทย

สำหรับมาตรการสนับสนุนสินค้าเกษตรของไทยให้เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมจากทั่วโลกนั้น กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ได้ยึดแนวนโยบายทำการประชาสัมพันธ์ เพื่อผลักดันให้สินค้าผักและไม้ของไทยเป็นที่รู้จักของคนทั่วโดย

ล่าสุด กรมส่งเสริมการส่งออก ได้ร่วมกับวาสเกา ซูเปอร์มาร์เก็ต (WASGAU) ในนครแฟรงก์เฟิร์ต เยอรมนี จัดแคมเปญโปรโมตสินค้าไทย โดยมีนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ร่วมเป็นประธานเปิดงานและเยี่ยมชมสินค้า บูทสินค้าผักและผลไม้ไทย
 
นายคริสเตียน ไดเซ็นโรท ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ วาสเกา ซูเปอร์มาร์เก็ต (WASGAU) กล่าวว่า ขณะนี้ผักผลไม้ของไทยกำลังได้รับความนิยมจากประชาชน โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่มีคุณภาพดี เนื้อเยอะ รสชาติอร่อย เมื่อเทียบกับมะม่วงที่นำเข้าจากประเทศบราซิล ขณะเดียวกัน มะม่วงของไทยยังมีราคาสูงกว่า คือ ราคาขายปลีกใบละ 4 ยูโร หรือประมาณ 160 บาท (คำนวณอัตราแลกเปลี่ยน 40 บาท ต่อ 1 ยูโร) ขณะที่มะม่วงบราซิลราคาขายไม่ถึง 1 ยูโร

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการส่งออกเองจะต้องปรับปรุงสินค้าให้มีคุณภาพ และได้มาตรฐานตามที่ทางการของสหภาพยุโรปกำหนดไว้ เพื่อขจัดปัญหาการกีดกันการนำเข้าจากประเทศต่างๆ รวมทั้งยังต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ (Package) ให้ทันสมัย และดึงดูดความสนใจของลูกค้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดได้
กำลังโหลดความคิดเห็น