“ดั๊บเบิ้ลเอ” โอดต้นทุนพุ่งแต่ยอมตรึงราคาไว้ หันมารุกตลาดมากขึ้น ตั้งเป้าปีนี้โต 20% ส่งกระดาษพรินต์สีตัวใหม่กระตุ้น พร้อมเล็งตั้งสนง.ตปท.เพิ่ม
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ เปิดเผยว่า ขณะนี้วัตถุดิบในการผลิตกระดาษได้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ควรจะต้องปรับราคาจำหน่ายปลีกกระดาษดั๊บเบิ้ลเอด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะพยายามตรึงราคาให้นานที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค โดยหันไปใช้วิธีการลดต้นทุนในส่วนอื่นและเพิ่มยอดขายแทน
ขณะเดียวกันก็จะรุกตลาดมากขึ้น ท่ามกลางตลาดกระดาษที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ของกระดาษดั๊บเบิ้ลเอสูงถึง 15-20% ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากปีที่แล้วรายได้รวมอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 4% เท่านั้น แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 35% และต่างประเทศ 65% โดยมีแผนขยายตลาดใหม่ๆ ช่องทางตลาดใหม่ และการวางสินค้าใหม่ต่อเนื่อง และการทำตลาดกิจรรมเพื่อกระตุ้นตลาด
นายชายวิทย์กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้วางตลาดกระดาษพรินต์สี เพราะจากการศึกษาทิศทางตลาดทั่วโลกผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้กรดาษเพื่องานพรินต์สีเพิ่มมากขึ้น จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ชื่อว่า ดั๊บเบิ้ลเอ คัลเลอร์ พรินต์ เจาะกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย ทั้งนักเรียนนักศึกษา ผู้ใช้งานทั่วไป บริษัท มัณฑนากร สถาปนิก มีให้เลือก 3 แพคเกจ คือ บรรจุ 500 แผ่นราคารีมละ 115 บาท , บรรจุ 100 แผ่นราคา 49 บาท และ บรรจุ 40 แผ่นราคา 25 บาท
โดยเตรียมงบตลาดสินค้าใหม่นี้ไว้ 50 ล้านบาท ใช้ในไทยและ 100 ล้านบาทกับต่างประเทศ จากงบตลาดรวมปีนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาท ผ่านแมสมีเดียทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ บีทีเอส เป็นต้น และการทำโรดโชว์ วอล์คโชว์ สื่อณจุดขาย กิจกรรมต่างๆ โดยจะกระจายให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งร้านค้า ร้านสเตชั่นเนอรี่ คอนวีเนียนสโตร์ เว๊บไซต์ ดีวิลเวอรี่ เป็นต้น ตั้งเป้าหมายยอดขายกระดาษคัลเลอร์พรินต์นี้ในปีแรกไว้6,000 ตันหรือมูลค่า 240 ล้านบาท เทียบจากเดิมที่บริษัทขายกระดาษดั๊บเบิ้ลเอขนาด 80 แกรม ประมาณ 5,000 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 60,000 ตันทั้งปี
ส่วนตลาดต่างประเทศจะขยายมากขึ้นจากปัจจุบันมีจำหน่ายแล้วมากกว่า 100 ประเทศ แต่มีสำนักงานของบริษัทเองเพียง 18 ประเทศ ทำตลาดเต็มรูปแบบ ซึ่งปีนี้จะทำตลดาหนักทั้งการเปิดตัวหนังโฆษณาล่าสุดคือเปิดตัวหนังโฆษณาสำหรับตลาดเอเชียใต้แล้ว การออกงานบีโอไอแฟร์ การออกงานเกี่ยวกับกระดาษ เป็นต้น
อีกรูปแบบคือ ซีดีเอ็ม หรือ ตัวแทนจำหน่ายที่มี 14 ประเทศ ที่ยังทำตลาดไม่เต็มรูปแบบ ซึ่งปีนี้จะพิจารณาดูว่าตลาดใดที่มีศักยภาพมากขึ้นก็อาจจะตั้งเป็นสำนักงานขึ้นมาดูแลแทน เนื่องจากแต่ละประเทศยอดขายและศักยภาพตลาดต่างกัน
สำหรับแฟรนไชส์ศูนย์ถ่ายเอกสารและร้านสเตชันเนอรี่นั้น บริษัทฯจะไม่ได้ขยายเพิ่มมากนัก แต่หากมีผู้สนใจก็จะดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันมีแฟรนไชส์ศูนย์ถ่ายเอกสารมากกว่า 400 แห่ง
นายชาญวิทย์ จารุสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ดั๊บเบิ้ล เอ (1991) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระดาษดั๊บเบิ้ลเอ เปิดเผยว่า ขณะนี้วัตถุดิบในการผลิตกระดาษได้ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ควรจะต้องปรับราคาจำหน่ายปลีกกระดาษดั๊บเบิ้ลเอด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯจะพยายามตรึงราคาให้นานที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค โดยหันไปใช้วิธีการลดต้นทุนในส่วนอื่นและเพิ่มยอดขายแทน
ขณะเดียวกันก็จะรุกตลาดมากขึ้น ท่ามกลางตลาดกระดาษที่มีการแข่งขันสูง ซึ่งปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตรายได้ของกระดาษดั๊บเบิ้ลเอสูงถึง 15-20% ทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ จากปีที่แล้วรายได้รวมอยู่ที่ 19,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 4% เท่านั้น แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 35% และต่างประเทศ 65% โดยมีแผนขยายตลาดใหม่ๆ ช่องทางตลาดใหม่ และการวางสินค้าใหม่ต่อเนื่อง และการทำตลาดกิจรรมเพื่อกระตุ้นตลาด
นายชายวิทย์กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้วางตลาดกระดาษพรินต์สี เพราะจากการศึกษาทิศทางตลาดทั่วโลกผู้บริโภคมีแนวโน้มใช้กรดาษเพื่องานพรินต์สีเพิ่มมากขึ้น จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ชื่อว่า ดั๊บเบิ้ลเอ คัลเลอร์ พรินต์ เจาะกลุ่มเป้าหมายหลากหลาย ทั้งนักเรียนนักศึกษา ผู้ใช้งานทั่วไป บริษัท มัณฑนากร สถาปนิก มีให้เลือก 3 แพคเกจ คือ บรรจุ 500 แผ่นราคารีมละ 115 บาท , บรรจุ 100 แผ่นราคา 49 บาท และ บรรจุ 40 แผ่นราคา 25 บาท
โดยเตรียมงบตลาดสินค้าใหม่นี้ไว้ 50 ล้านบาท ใช้ในไทยและ 100 ล้านบาทกับต่างประเทศ จากงบตลาดรวมปีนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาท ผ่านแมสมีเดียทั้งทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ บีทีเอส เป็นต้น และการทำโรดโชว์ วอล์คโชว์ สื่อณจุดขาย กิจกรรมต่างๆ โดยจะกระจายให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งร้านค้า ร้านสเตชั่นเนอรี่ คอนวีเนียนสโตร์ เว๊บไซต์ ดีวิลเวอรี่ เป็นต้น ตั้งเป้าหมายยอดขายกระดาษคัลเลอร์พรินต์นี้ในปีแรกไว้6,000 ตันหรือมูลค่า 240 ล้านบาท เทียบจากเดิมที่บริษัทขายกระดาษดั๊บเบิ้ลเอขนาด 80 แกรม ประมาณ 5,000 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 60,000 ตันทั้งปี
ส่วนตลาดต่างประเทศจะขยายมากขึ้นจากปัจจุบันมีจำหน่ายแล้วมากกว่า 100 ประเทศ แต่มีสำนักงานของบริษัทเองเพียง 18 ประเทศ ทำตลาดเต็มรูปแบบ ซึ่งปีนี้จะทำตลดาหนักทั้งการเปิดตัวหนังโฆษณาล่าสุดคือเปิดตัวหนังโฆษณาสำหรับตลาดเอเชียใต้แล้ว การออกงานบีโอไอแฟร์ การออกงานเกี่ยวกับกระดาษ เป็นต้น
อีกรูปแบบคือ ซีดีเอ็ม หรือ ตัวแทนจำหน่ายที่มี 14 ประเทศ ที่ยังทำตลาดไม่เต็มรูปแบบ ซึ่งปีนี้จะพิจารณาดูว่าตลาดใดที่มีศักยภาพมากขึ้นก็อาจจะตั้งเป็นสำนักงานขึ้นมาดูแลแทน เนื่องจากแต่ละประเทศยอดขายและศักยภาพตลาดต่างกัน
สำหรับแฟรนไชส์ศูนย์ถ่ายเอกสารและร้านสเตชันเนอรี่นั้น บริษัทฯจะไม่ได้ขยายเพิ่มมากนัก แต่หากมีผู้สนใจก็จะดำเนินการ ซึ่งปัจจุบันมีแฟรนไชส์ศูนย์ถ่ายเอกสารมากกว่า 400 แห่ง