เรดแมงโก้ เปิดทางดึงหุ้นส่วนใหม่ร่วมบริหารการตลาด หลัง 4 ปีที่ผ่านมา การเติบโตไปได้ช้า หวังดันรายได้สิ้นปีนี้แตะ 150 ล้านบาท แย้มเตรียมผุดแบรนด์ร้านอาหารฟาสต์ฟูดสไตล์เกาหลีอีก 1 แบรนด์
นายคิม อินโยบ ประธานกรรมการ บริษัท เคอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าโยเกิร์ตไอศกรีม แบรนด์ เรดแมงโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของเรดแมงโก้ในปีที่ผ่านมา ทำได้ที่ 120 ล้านบาท เติบโตจากปี 52 เพียง 20 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าเป้าที่วางไว้เล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองที่มีการชุมนุม ส่งผลต่อหลายสาขาที่ต้องปิดให้บริการลงไป ทำให้จากที่เคยมีจำนวนสาขามากถึง 40 สาขานั้น ขณะที่ลดลงเหลือ 30 สาขาเท่านั้น
สำหรับจำนวนสาขาที่ลดลงนั้น มาจากการปรับเปลี่ยนสถานที่ใหม่ สาขาไหนที่ใหญ่เกินไปก็ปรับลดขนาดลง และสาขาไหนที่ทำกำไรได้น้อยก็หยุดไป หรือพยายามผลักดันให้เกิดรายได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มองว่า การรีโลเคชันใหม่นี้ ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้มีกำไรมากขึ้น ถึงแม้ว่าจำนวนสาขาจะน้อยลง หรือมีขนาดเล็กลงก็ตาม
นายคิม กล่าวต่อว่า 4 ปีที่ผ่านมา พบว่า เรดแมงโก้ยังเติบโตได้ไม่มาก เนื่องจากเรามีช่องโหว่ในเรื่องของการทำตลาด ดังนั้น ในปีนี้จึงได้มีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่ โดยจะมีการเพิ่มหุ้นส่วน ซึ่งเป็นผู้บริหารคนไทย เข้ามาร่วมบริหารการตลาดให้กับแบรนด์เรดแมงโก้ต่อไป คาดว่า ไม่เกิน ม.ค.นี้ จะสามารถเปิดเผยรายละเอียดความคืบหน้าได้ ซึ่งผู้บริหารคนใหม่นี้
จะมานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ดูแลแบรนด์เรดแมงโก้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งถือหุ้นในแบรนด์ดังกล่าวอีกราว 30% คาดว่า จะผลักดันให้เรดแมงโก้ในสิ้นปีนี้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ด้วย แต่ละสาขาลงทุน 2-3 ล้านบาท แล้วแต่ขนาด เป็นแฟรนไชส์ 5 สาขา และเปิดเอง 5 สาขา
อย่างไรก็ตาม ภายใต้บริษัท เคอาร์ซี ปัจจุบันดูแลธุรกิจอยู่ 3 แบรนด์ คือ ไอศกรีม เรดแมงโก้, เครื่องสำอางมิสซา และร้านกาแฟ TOM N TON ในปีนี้มีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจเพิ่มอีก 1 แบรนด์ เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟูดสไตล์เกาหลี ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับทางเกาหลี จะนำเข้ามาเปิดในประเทศไทยภายในปีนี้ต่อไป
นายคิม อินโยบ ประธานกรรมการ บริษัท เคอาร์ซี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าโยเกิร์ตไอศกรีม แบรนด์ เรดแมงโก้ เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้ของเรดแมงโก้ในปีที่ผ่านมา ทำได้ที่ 120 ล้านบาท เติบโตจากปี 52 เพียง 20 ล้านบาท ถือว่าต่ำกว่าเป้าที่วางไว้เล็กน้อย เนื่องจากปัจจัยทางการเมืองที่มีการชุมนุม ส่งผลต่อหลายสาขาที่ต้องปิดให้บริการลงไป ทำให้จากที่เคยมีจำนวนสาขามากถึง 40 สาขานั้น ขณะที่ลดลงเหลือ 30 สาขาเท่านั้น
สำหรับจำนวนสาขาที่ลดลงนั้น มาจากการปรับเปลี่ยนสถานที่ใหม่ สาขาไหนที่ใหญ่เกินไปก็ปรับลดขนาดลง และสาขาไหนที่ทำกำไรได้น้อยก็หยุดไป หรือพยายามผลักดันให้เกิดรายได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ มองว่า การรีโลเคชันใหม่นี้ ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้มีกำไรมากขึ้น ถึงแม้ว่าจำนวนสาขาจะน้อยลง หรือมีขนาดเล็กลงก็ตาม
นายคิม กล่าวต่อว่า 4 ปีที่ผ่านมา พบว่า เรดแมงโก้ยังเติบโตได้ไม่มาก เนื่องจากเรามีช่องโหว่ในเรื่องของการทำตลาด ดังนั้น ในปีนี้จึงได้มีการปรับแผนการดำเนินงานใหม่ โดยจะมีการเพิ่มหุ้นส่วน ซึ่งเป็นผู้บริหารคนไทย เข้ามาร่วมบริหารการตลาดให้กับแบรนด์เรดแมงโก้ต่อไป คาดว่า ไม่เกิน ม.ค.นี้ จะสามารถเปิดเผยรายละเอียดความคืบหน้าได้ ซึ่งผู้บริหารคนใหม่นี้
จะมานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ดูแลแบรนด์เรดแมงโก้โดยเฉพาะ พร้อมทั้งถือหุ้นในแบรนด์ดังกล่าวอีกราว 30% คาดว่า จะผลักดันให้เรดแมงโก้ในสิ้นปีนี้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท โดยปีนี้จะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 10 สาขา ด้วย แต่ละสาขาลงทุน 2-3 ล้านบาท แล้วแต่ขนาด เป็นแฟรนไชส์ 5 สาขา และเปิดเอง 5 สาขา
อย่างไรก็ตาม ภายใต้บริษัท เคอาร์ซี ปัจจุบันดูแลธุรกิจอยู่ 3 แบรนด์ คือ ไอศกรีม เรดแมงโก้, เครื่องสำอางมิสซา และร้านกาแฟ TOM N TON ในปีนี้มีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจเพิ่มอีก 1 แบรนด์ เป็นร้านอาหารฟาสต์ฟูดสไตล์เกาหลี ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกับทางเกาหลี จะนำเข้ามาเปิดในประเทศไทยภายในปีนี้ต่อไป