xs
xsm
sm
md
lg

โรงแรมเปิดศึกชิงเค้ก ตลาดระดับ 3 ดาว มั่นใจโกยกำไรได้มากกว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้ประกอบการโรงแรมเปิดศึกชิงตลาด ระดับกลาง ดิ เอทัส น้องใหม่ ประเดิมธุรกิจ ด้วยโรงแรม 5 ดาว ล่าสุด เปิด ดิ เอทัส ลุมพินี มีนาคมนี้ ก่อนเตรียม โดดเล่น โรงแรมระดับ 3 ดาวในอีก 3 ปีหน้า เพราะอัตรากำไรสูงกว่า ปล่อย พี่ใหญ่ อย่าง ดิ เอราวัณ กรุ๊ป และเซ็นทารา นำร่องไปก่อน

นายสุรเชษฐ วรวงศ์วสุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอทัส แมเนจเม้นท์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโรงแรม ทีพัก ภายใต้แบรนด์ “ดิ เอทัส” เปิดเผยว่า เพิ่งเข้าสู่ธุรกิจโรงแรมได้ 6 เดือน โดยเปิดให้บริการ ดิ เอทัส บางกอก และ ดิ เอทัส เรสซิเดนเชียล ซอยร่วมฤดี ล่าสุด มีนาคมนี้เตรียม เปิด ดิ เอทัส ลุมพินี โดยทั้งหมดเป็นโรงแรมและที่พัก ระดับ 5 ดาว สไตล์คอมแทนโพราลี มีการตกแต่งแบบร่วมสมัย โดย ดิ เอทัส เป็นแบรนด์ใหม่ ที่บริษัทสร้างขึ้น และ เตรียมแผนที่จะสร้างแบรนด์นี้ให้แข็งแกร่ง ในธุรกิจโรงแรมของคนไทย ชูจุดขาย เรื่องสถานที่ตั้งสะดวก การบริการดี และ ราคาเหมาะสม และถูกกว่า เมื่องเทียบกับคู่แข่งขันในระดับเดียวกัน

งานด้านการตลาดและการขาย เน้นใช้ช่องทางผ่านออนไลน์ เพื่อประหยัดต้นทุน และ สามารถเข้าถึงลุกค้า ที่มีไลฟ์สไตล์สืบค้นที่พักด้วยตัวเองผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และ สังคมออนไลน์ จากปัจจุบัน 60% เป็นการขายผ่านเอเยนต์ อีก 40% ผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งในที่นี้เป็นการจองผ่านเว็บของ ดิ เอทัส เอง ไม่ถึง 10% ซึ่งจะเดินหน้าสร้างการรับรู้ช่องทางนี้เพิ่มเติม โดยใช้ช่องทางสังคมออนไลน์ เช่น ทวิสเตอร์ เฟสบุ๊ค และโซเชียลเน็คเวิร์ดยอดนิยมอื่นๆในต่างประเทศ

*** ขอ 3 ปี โดดเล่น 3 ดาวชี้กำไรสูง ****
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุน จากนี้ไป คาดว่า ในอีก 3 ปี จะขยายธุรกิจ ลงทุนเปิดโรงแรมระดับ 3 ดาว โดยอาจจะตั้งชื่อใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งแบรนด์ เนื่องจากมองเห็นแนวโน้มว่า จากการเติบโตของธุรกิจสายการบินโลว์คอสต์ และ ไลฟ์สไตล์การเดินทางของนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป เลือกใช้โรงแรมราคาประหยัดคุ้มค่าเงินมากขึ้น ประกอบกับมองว่าอัตรากำไร โรงแรมระดับ 3 ดาว จะดีกว่า หรืออยู่ที่ราว 15% ส่วน 5 ดาว อยู่ที่ 10%

อย่างไรก็ตาม นโยบายของ ดิ เอทัส จะเน้น จับตลาดโดเมสติกไมซ์ ปีแรก ตั้งเป้าสัดส่วนลูกค้าจัดประชุมสัมมนา และ งานอีเว้นต์ ราว 20% ชูจุดขายสถานที่ตั้งสะดวกสบาย ราคาประหยัด ปีแรกเปิดตัวห้องพัก 2,500-3,000 บาท ถูกกว่าคู่แข่งขันในระดับเดียวกันราว 10%

***เซ็นทาราสบช่องดันบูติคอลเลคชั่นรับบริหาร****
ทางด้านโรงแรมกลุ่ม เซ็นทารา นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร กล่าวว่า จากผลสำรวจพบว่า โรงแรมแนวบูติค มีแนวโน้มความนิยมเพิ่มสูงขึ้น จากไลฟ์สไตล์นักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป ขณะที่ผู้ประกอบการโรงแรมกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นคนท้องถิ่น ไม่มีความชำนาญด้านการบริหาร และ มีช่องว่างเรื่องเครื่อข่าย จึงเห็นโอกาสทางธุรกิจ เตรียมผลักดัน แบรนด์ “เซ็นทาราบูติค คอลเลคชั่น” เข้ารับงานบริหารจัดการ ตั้งเป้าใน 5 ปีนับจากนี้ รายได้จ่ากแบรนด์ เซ็นทรา ซึ่งเป็นโรงแรม ระดับ 4 ดาว และ กลุ่ม เซ็นทาราบูติค คอลเลคชั่น รวมกันจะมีรายได้เป้น 50% ของรายได้รวม

***เอราวัณกรุ๊ปใช้ไอบิส ลงเล่น 3 ดาว ****
นายกษมา บุณยคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ดิ เอราวัณ กรุ๊ป กล่าวว่า จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว ตลาดจีน อินเดีย รัสเซีย และอีกหลายประเทศย่านเอเชีย ทำให้ บริษัท เห็นโอกาส การสร้างรายได้จากโรงแรมระดับ 3 ดาว ซึ่งเป็นโรงแรม ที่ตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว นิยมเข้าใช้บริการ ดังนั้น จึงวางแผน 5 ปี ลงทุน 7,000-10,000 ล้านบาท สร้างโรงแรมอีกกว่า 12 แห่ง โดยจะใช้แบรนด์ ไอบิส คอร์ทยาร์ด ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากโรงแรมระดับ 3-4 ดาว ขึ้นเป็นรายได้หลักสัดส่วนกว่า 505 จากปัจจุบัน มีสัดส่วนประมาณ 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น