บุ๊คสไมล์ ดึงสำนักพิมพ์ ทำหนังสือราคาต่ำ หวังขยายฐานผู้อ่าน รายได้ ชูราคาต่ำสุด 39 บาท เจาะกลุ่มล่าง พร้อมผุดต่ออีก 500 สาขา ดันเป้ารายได้สู่ 5 พันล้านบาท
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านหนังสือ บุ๊คสไมล์ ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า นโยบายปี 2553 บริษัทมีแผนที่จะร่วมมือกับทางสำนักพิมพ์ๆเพื่อทำหนังสือประเภทพ็อกเกตบุ๊กเฉพาะกับทางบุ๊คสไมล์มากขึ้น เช่นเดียวกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ใช้กลยุทธ์ F-B-O/FIRST-BEST-ONLY ที่ให้ซัปพลายเออร์ผลิตสินค้าให้กับเซเว่นอีเลฟเว่น “เป็นแห่งแรก-เป็นแห่งเดียว-ดีที่สุด” เท่านั้น เพื่อจำหน่ายในราคาต่ำ เพื่อเป็นการขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มระดับกลางลงล่างมากขึ้น
รวมทั้งการขยายกลุ่มหนังสือจากเดิม ที่เน้นกลุ่มธรรมชาติประยุกต์ จิตวิทยา ถ่ายทอดประสบการณ์ จะขยายสู่กลุ่มใหม่เช่น ท่องเที่ยว และภาษามากขึ้น ด้วยคอนเซปต์การทำงานคือ “พิมพ์มาก-ราคาถูก-คนก็อ่านมาก” ซึ่งะทำให้ตลาดพ็อกเกตบุ๊กขยายตัวเพิ่มด้วย เพราะแต่เดิมสำนักพิมพ์จะมุ่งเน้นตลาดกลางขึ้นบน ราคาเฉลี่ย 160 บาทขึ้นไป แต่นโยบายเราจะไม่ทำตัวเป็นสำนักพิมพ์
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2551 ระบุว่า จากการสำรวจพบว่า คนไทยต้องการหนังสือดีราคาถูก มากถึง 28%, ต้องการหนังสือดีมีสาระราคาถูก 21%, ต้องการห้องสมุดประจำหมู่บ้าน 19.5%, ต้องการให้พ่อแม่ปลูกฝักรักการอ่าน 18.5% และต้องการหนังสือใช้ภาษาง่ายต่อการเข้าใจ 13%
โดยบริษัทจะดำเนินงานใน 3 แนวทาง คือ 1.ร่วมมือกับสำนักพิมพ์พัฒนาพ็อกเกตบุ๊กระดับราคา 39-59 บาท เพื่อเจาะตลาดระดับล่าง ปีนี้จะทำอีก 9 ปก ยอดพิมพ์เฉลี่ย 100,000 เล่มต่อปก ซึ่งตรงนี้บางครั้งก็จะเป็นหนังสือเดียวกับที่มีจำหน่ายอยู่แล้วของสำนักพิมพ์ต่างๆ แต่ที่บุ๊คสไมล์จะขายต่ำกว่า โดยสัดส่วนรายได้กลุ่มนี้ของบริษัทอยู่ที่ 25% 2.พัฒนาพ็อกเกตบุ๊กราคาไม่เกิน 100 บาท รวมทั้งนำเรื่องดังในอดีตมาจ่ำหน่าย มียอดพิมพ์เฉลี่ย 10,000- 30,000 เล่มต่อปก สัดส่วนรายได้กลุ่มนี้ 25% 3.จำหน่ายหนังสือที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลัก 50%
“ส่วนใหญ่สำนักพิมพ์ไม่กล้าผลิตหนังสือกลุ่มกลางออกมาขาย เพราะขายได้น้อยคืนมาก ทำให้ไม่คุ้ม แต่เมื่อเรามีฐานลูกค้ากว่า 6 ล้านคนต่อวัน ที่เข้าเซเว่นฯเรารู้ว่าเขาต้องการหนังสือประเภทไหน จีงร่วมมือกับสำนักพิมพ์ทำได้ตรงความต้องการ สอดคล้องกำลังซื้อของเขาพอดี ทั้งนี้เราเจรจากับทางสำนักพิมพ์เรื่องค่าตอบแทนต่างๆ ชัดเจนแตกต่างกันไปตามสำนักพิพม์ แต่ละหนังสือ แล้วแต่กรณี ซึ่งปกติแล้ว ค่าจีพีจะอยู่ที่ 25-30% แต่ถ้าพิเศษที่เราทำก็คงจะลดลงมาอีกเฉลี่ย 10% ต่อปก” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
สำหรับปีที่แล้วมีบุ๊คสไมล์มียอดขายรวม 4,500 ล้านบาท จาก 5,270 สาขา เติบโต 20% แบ่งสัดส่วนรายได้และการเติบ ดังนี้ 1.กลุ่มพ็อกเกตบุ๊ก สัดส่วน 20% เติบโต 28% 2.กลุ่มแมกกาซีนและหนังสือพิมพ์ สัดส่วน 38% เติบโต 16% 3.กลุ่มสเตชันเนอรี สัดส่วน 30% และเติบโต 15% และ 4.กลุ่มเอนเตอร์เทน สัดส่วน 20% และเติบโต 24% โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ เป็น 5,000 ล้านบาท เติบโต 10% มียอดขายหนังสือรวม 11 ล้านเล่ม มากกว่าปีที่แล้วยอดขาย 10 ล้านเล่ม และจะขยายสาขาเพิ่มอีก 500 แห่ง ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านหนังสือ บุ๊คสไมล์ ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น เปิดเผยว่า นโยบายปี 2553 บริษัทมีแผนที่จะร่วมมือกับทางสำนักพิมพ์ๆเพื่อทำหนังสือประเภทพ็อกเกตบุ๊กเฉพาะกับทางบุ๊คสไมล์มากขึ้น เช่นเดียวกับร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ที่ใช้กลยุทธ์ F-B-O/FIRST-BEST-ONLY ที่ให้ซัปพลายเออร์ผลิตสินค้าให้กับเซเว่นอีเลฟเว่น “เป็นแห่งแรก-เป็นแห่งเดียว-ดีที่สุด” เท่านั้น เพื่อจำหน่ายในราคาต่ำ เพื่อเป็นการขยายฐานตลาดไปยังกลุ่มระดับกลางลงล่างมากขึ้น
รวมทั้งการขยายกลุ่มหนังสือจากเดิม ที่เน้นกลุ่มธรรมชาติประยุกต์ จิตวิทยา ถ่ายทอดประสบการณ์ จะขยายสู่กลุ่มใหม่เช่น ท่องเที่ยว และภาษามากขึ้น ด้วยคอนเซปต์การทำงานคือ “พิมพ์มาก-ราคาถูก-คนก็อ่านมาก” ซึ่งะทำให้ตลาดพ็อกเกตบุ๊กขยายตัวเพิ่มด้วย เพราะแต่เดิมสำนักพิมพ์จะมุ่งเน้นตลาดกลางขึ้นบน ราคาเฉลี่ย 160 บาทขึ้นไป แต่นโยบายเราจะไม่ทำตัวเป็นสำนักพิมพ์
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ เมื่อปี 2551 ระบุว่า จากการสำรวจพบว่า คนไทยต้องการหนังสือดีราคาถูก มากถึง 28%, ต้องการหนังสือดีมีสาระราคาถูก 21%, ต้องการห้องสมุดประจำหมู่บ้าน 19.5%, ต้องการให้พ่อแม่ปลูกฝักรักการอ่าน 18.5% และต้องการหนังสือใช้ภาษาง่ายต่อการเข้าใจ 13%
โดยบริษัทจะดำเนินงานใน 3 แนวทาง คือ 1.ร่วมมือกับสำนักพิมพ์พัฒนาพ็อกเกตบุ๊กระดับราคา 39-59 บาท เพื่อเจาะตลาดระดับล่าง ปีนี้จะทำอีก 9 ปก ยอดพิมพ์เฉลี่ย 100,000 เล่มต่อปก ซึ่งตรงนี้บางครั้งก็จะเป็นหนังสือเดียวกับที่มีจำหน่ายอยู่แล้วของสำนักพิมพ์ต่างๆ แต่ที่บุ๊คสไมล์จะขายต่ำกว่า โดยสัดส่วนรายได้กลุ่มนี้ของบริษัทอยู่ที่ 25% 2.พัฒนาพ็อกเกตบุ๊กราคาไม่เกิน 100 บาท รวมทั้งนำเรื่องดังในอดีตมาจ่ำหน่าย มียอดพิมพ์เฉลี่ย 10,000- 30,000 เล่มต่อปก สัดส่วนรายได้กลุ่มนี้ 25% 3.จำหน่ายหนังสือที่ขายตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้หลัก 50%
“ส่วนใหญ่สำนักพิมพ์ไม่กล้าผลิตหนังสือกลุ่มกลางออกมาขาย เพราะขายได้น้อยคืนมาก ทำให้ไม่คุ้ม แต่เมื่อเรามีฐานลูกค้ากว่า 6 ล้านคนต่อวัน ที่เข้าเซเว่นฯเรารู้ว่าเขาต้องการหนังสือประเภทไหน จีงร่วมมือกับสำนักพิมพ์ทำได้ตรงความต้องการ สอดคล้องกำลังซื้อของเขาพอดี ทั้งนี้เราเจรจากับทางสำนักพิมพ์เรื่องค่าตอบแทนต่างๆ ชัดเจนแตกต่างกันไปตามสำนักพิพม์ แต่ละหนังสือ แล้วแต่กรณี ซึ่งปกติแล้ว ค่าจีพีจะอยู่ที่ 25-30% แต่ถ้าพิเศษที่เราทำก็คงจะลดลงมาอีกเฉลี่ย 10% ต่อปก” นายยุทธศักดิ์ กล่าว
สำหรับปีที่แล้วมีบุ๊คสไมล์มียอดขายรวม 4,500 ล้านบาท จาก 5,270 สาขา เติบโต 20% แบ่งสัดส่วนรายได้และการเติบ ดังนี้ 1.กลุ่มพ็อกเกตบุ๊ก สัดส่วน 20% เติบโต 28% 2.กลุ่มแมกกาซีนและหนังสือพิมพ์ สัดส่วน 38% เติบโต 16% 3.กลุ่มสเตชันเนอรี สัดส่วน 30% และเติบโต 15% และ 4.กลุ่มเอนเตอร์เทน สัดส่วน 20% และเติบโต 24% โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้ เป็น 5,000 ล้านบาท เติบโต 10% มียอดขายหนังสือรวม 11 ล้านเล่ม มากกว่าปีที่แล้วยอดขาย 10 ล้านเล่ม และจะขยายสาขาเพิ่มอีก 500 แห่ง ในร้านเซเว่นอีเลฟเว่น
