ซันโยทวงแชมป์กลุ่มเครื่องเย็นคืนใน 3 ปี ชูเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน บุกตลาดบีทูบีเต็มสูบ จีบเซเว่นฯ ประเดิม ร้านในรูปแบบ คอนวีเนียน สโตร์ โซลูชั่น ดึงเป๊ปซี่-โค้กกลับคืน มั่นใจสิ้นปีรายได้กลุ่มเครื่องเย็นโต 15% ส่งรายได้รวมทั้งปี แตะ 3,120 ล้านบาท เติบโต 15%
นายสุพจน์ วิรัตน์โยสินทร์ รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ปี2552 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นเพียง 4-5% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่ารวมได้ที่ 2,800 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีเรื่องของปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จากเดิมที่วางเป้าเติบโตไว้ถึง 15% อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณบวกที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องเวิลด์คัพและแผนการดำเนินธุรกิจที่วางไว้ กับการรุกตลาดเครื่องเย็นในกลุ่มบีทูบี (ธุรกิจกับธุรกิจ) เชื่อว่าทั้งปีน่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 15% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,120 ล้านบาท ภายใต้งบการตลาดรวมที่ 45 ล้านบาท
โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับสินค้าหมวดเครื่องเย็นเป็นหลัก ซึ่งทางบริษัทมีแผนที่จะบุกในตลาดรูปแบบที่เป็นบีทูบีมากยิ่งขึ้น ชูจุดขายในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และโซลูชั่นที่แตกต่าง ซึ่งในขณะนี้ได้มีการเข้าไปเจรจากับทางลูกค้าไว้หลายราย ทั้งแบบเชนสโตร์ อย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น, แม็คโคร หรือร้านแบบยี่ปั้วซาปั้ว โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของเซเว่นฯนั้น คาดว่าจะได้เห็นร้านเซเว่นฯ ในรูปแบบ คอนวีเนียน สโตร์ โซลูชั่น ด้วย ซึ่งการลงทุนทำร้านในรูปแบบนี้ ใช้เม็ดเงินลงทุนสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ในขนาด 100 ตารางเมตร
นอกจากนี้ในส่วนของตลาดรีเทล บริษัทยังได้มีการพัฒนาตู้แช่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มจาก 1ประตู -4 ประตู เฉลี่ยราคาตั้งแต่ 11,900 – 45,000 บาท ซึ่งในปีนี้ ทางบริษัทพร้อมที่จะรุกในส่วนบีทูบีด้วยเช่นกัน กับลูกค้าในกลุ่มเครื่องดื่มต่างๆ จากเดิมที่มีลูกค้าในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครบทุกแบรนด์แล้ว
ปีนี้จะรุกเข้าไปที่กลุ่มน้ำดำ ทั้งเป๊ปซี่ และโค้กด้วย เพราะในตลาดนี้เฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มน้ำดำ มีส่วนแบ่งกว่า 70% แล้ว ทั้งนี้เดิมทั้ง2แบรนด์นี้ เคยเป็นลูกค้าของซันโยอยู่ก่อนแล้ว และได้หันไปใช้แบรนด์อินเตอร์คูล ดังนั้นปีนี้ทางบริษัทจะชูเรื่องของตู้แช่ประหยัดพลังงาน คาดว่าทั้ง2แบรนด์จะให้ความสนใจ และหันกลับมาใช้แบรนด์ซันโยอีกครั้ง
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มเครื่องเย็น มีรายได้กว่า 550 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% จาก 426 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่ 26% ของรายได้รวมบริษัท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 15% ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่สร้างรายได้ให้บริษัท มีสัดส่วนกว่า 63% ที่เหลือเป็นกลุ่มไอทีอีก 11%
สำหรับตลาดกลุ่มเครื่องเย็นทั้งแบบบีทูบี และรีเทล ปีที่ผ่านมามีมูลค่าตลาดรวมที่ 3,100 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นไม่เกิน 10% โดยมีแบรนด์อินเตอร์คูลเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งเกินกว่า 50% และซันโย เป็นอันดับสอง มีส่วนแบ่งที่ 17% ทั้งนี้จากแผนการบุกตลาดเครื่องเย็นอย่างเต็มที่ เชื่อว่าในอีก 3ปีนับจากนี้ ซันโยจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดเครื่องเย็นได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของโรงงานนั้น ปีนี้จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท ในการเมเครื่องจักรเข้ามา สำหรับเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของเครื่องเย็นมากขึ้น เพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศ75% และต่างประเทศ 25% ที่กำลังขยายตัว จากการได้ประโยชน์จากนโยบายเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ในการส่งออกเครื่องเย็นไปยังประเทศในแถบอาเซียน โดยหลักๆคือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น รวมถึง ฮ่องกง และเวียดนาม บางส่วน
นายสุพจน์ วิรัตน์โยสินทร์ รองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซันโย (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ปี2552 ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายเติบโตขึ้นเพียง 4-5% เท่านั้น คิดเป็นมูลค่ารวมได้ที่ 2,800 ล้านบาท เนื่องจากปีก่อนมีเรื่องของปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง จากเดิมที่วางเป้าเติบโตไว้ถึง 15% อย่างไรก็ตามในปีนี้ทางบริษัทเริ่มเห็นสัญญาณบวกที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องเวิลด์คัพและแผนการดำเนินธุรกิจที่วางไว้ กับการรุกตลาดเครื่องเย็นในกลุ่มบีทูบี (ธุรกิจกับธุรกิจ) เชื่อว่าทั้งปีน่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นอีก 15% คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,120 ล้านบาท ภายใต้งบการตลาดรวมที่ 45 ล้านบาท
โดยแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ จะให้ความสำคัญกับสินค้าหมวดเครื่องเย็นเป็นหลัก ซึ่งทางบริษัทมีแผนที่จะบุกในตลาดรูปแบบที่เป็นบีทูบีมากยิ่งขึ้น ชูจุดขายในเรื่องของการประหยัดพลังงาน และโซลูชั่นที่แตกต่าง ซึ่งในขณะนี้ได้มีการเข้าไปเจรจากับทางลูกค้าไว้หลายราย ทั้งแบบเชนสโตร์ อย่าง เซเว่นอีเลฟเว่น, แม็คโคร หรือร้านแบบยี่ปั้วซาปั้ว โรงแรม และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยในส่วนของเซเว่นฯนั้น คาดว่าจะได้เห็นร้านเซเว่นฯ ในรูปแบบ คอนวีเนียน สโตร์ โซลูชั่น ด้วย ซึ่งการลงทุนทำร้านในรูปแบบนี้ ใช้เม็ดเงินลงทุนสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ในขนาด 100 ตารางเมตร
นอกจากนี้ในส่วนของตลาดรีเทล บริษัทยังได้มีการพัฒนาตู้แช่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เริ่มจาก 1ประตู -4 ประตู เฉลี่ยราคาตั้งแต่ 11,900 – 45,000 บาท ซึ่งในปีนี้ ทางบริษัทพร้อมที่จะรุกในส่วนบีทูบีด้วยเช่นกัน กับลูกค้าในกลุ่มเครื่องดื่มต่างๆ จากเดิมที่มีลูกค้าในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครบทุกแบรนด์แล้ว
ปีนี้จะรุกเข้าไปที่กลุ่มน้ำดำ ทั้งเป๊ปซี่ และโค้กด้วย เพราะในตลาดนี้เฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มน้ำดำ มีส่วนแบ่งกว่า 70% แล้ว ทั้งนี้เดิมทั้ง2แบรนด์นี้ เคยเป็นลูกค้าของซันโยอยู่ก่อนแล้ว และได้หันไปใช้แบรนด์อินเตอร์คูล ดังนั้นปีนี้ทางบริษัทจะชูเรื่องของตู้แช่ประหยัดพลังงาน คาดว่าทั้ง2แบรนด์จะให้ความสนใจ และหันกลับมาใช้แบรนด์ซันโยอีกครั้ง
นายสุพจน์ กล่าวต่อว่า ปีที่ผ่านมาสินค้ากลุ่มเครื่องเย็น มีรายได้กว่า 550 ล้านบาท เติบโตขึ้น 29% จาก 426 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่ 26% ของรายได้รวมบริษัท ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก 15% ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นกลุ่มสินค้าหลักที่สร้างรายได้ให้บริษัท มีสัดส่วนกว่า 63% ที่เหลือเป็นกลุ่มไอทีอีก 11%
สำหรับตลาดกลุ่มเครื่องเย็นทั้งแบบบีทูบี และรีเทล ปีที่ผ่านมามีมูลค่าตลาดรวมที่ 3,100 ล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นไม่เกิน 10% โดยมีแบรนด์อินเตอร์คูลเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งเกินกว่า 50% และซันโย เป็นอันดับสอง มีส่วนแบ่งที่ 17% ทั้งนี้จากแผนการบุกตลาดเครื่องเย็นอย่างเต็มที่ เชื่อว่าในอีก 3ปีนับจากนี้ ซันโยจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดเครื่องเย็นได้
อย่างไรก็ตามในส่วนของโรงงานนั้น ปีนี้จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท ในการเมเครื่องจักรเข้ามา สำหรับเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของเครื่องเย็นมากขึ้น เพื่อรองรับทั้งตลาดในประเทศ75% และต่างประเทศ 25% ที่กำลังขยายตัว จากการได้ประโยชน์จากนโยบายเขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟต้า) ในการส่งออกเครื่องเย็นไปยังประเทศในแถบอาเซียน โดยหลักๆคือ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น รวมถึง ฮ่องกง และเวียดนาม บางส่วน