ททท.คุย ผลจัดงานอีสานรีวิสิต เกินคาด แหล่งท่องเที่ยวพิพิธภัณฑ์ และ ไดโนเสาร์ ภาคอีสาน เนื้อหอม ญี่ปุ่น อินเดีย สิงคโปร์ ทึ่ง ไทยมีของดี เล็งจัดทัวร์ทัศนศึกษาจับกลุ่มนักเรียนและครอบครัว มาเที่ยว คุยปีนี้เงินสะพัดอีสานกว่า 4.7 หมื่นล้านบาท
นายสุภกิตติ์ พลจันทร ผู้อำนวยการกองตลาดภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากการที่ได้จัดโครงการ อีสาน รีวิสิต 2010 โดยเชิญ ผู้ซื้อ ซึ่งเป็นสมาคมท่องเที่ยว 91 รายและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศกว่า 71 ราย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง เข้ามาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวในภาคอีสานของไทย โดยมีผู้ขาย จาก 19 จังหวัดในภาคอีสาน มาร่วมเจรจาธุรกิจ ปรากฎว่า กิจกรรมนี้ได้ก่อให้เกิดการนัดเจรจาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายกว่า 300 ครั้ง ตกลงทำสัญญาแล้ว 50 สัญญา คาดว่า เกิดเงินสะพัดภายในงานนี้เฉพาะตลาดในประเทศกว่า 5 ล้านบาท และ ยอดซื้อจากตลาดต่างประเทศกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ททท.ได้ประเมินผลการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ พบว่า กลุ่มผู้ซื้อจาก มาเลเซีย อินเดีย และเวียดนาม มีความสนใจแหล่งท่องเที่ยว ประเภท พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์, อุทยานประวัติศาสตร์หินพิมาย และพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน โดยมองว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทัศนศึกษา สามารถเจาะตลาดนักเรียนได้ ส่วนผู้ซื้อจากตลาดญี่ปุ่น ก็นิยมแหล่งท่องเที่ยวไดโนเสาร์เช่นกัน แต่มองว่า เหมาะกับกลุ่มลูกค้าครอบครัว และกรุ๊ปทัวร์ สำหรับผู้ซื้อจากตลาดสิงคโปร์ สนใจสามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี เพราะมั่นใจว่าจะนำเสนอขายให้แก่ตลาดนักเรียนได้ เรียนรู้เรื่องการกระทำของธรรมชาติ
จากข้อมูลดังกล่าว ตอกย้ำให้ ททท. มั่นใจว่า ในปี 2553 นี้ จะส่งเสริมให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภาคอีสานได้มากถึง 26.2 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน 5.93% แบ่งเป็นตลาดคนไทย 25.02 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.91% และชาวต่างชาติ 1.18 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.33% และคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการเดินทางท่องเที่ยวปีนี้ ราว 47,300 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 11.28% แบ่งเป็นรายได้จากคนไทย 44,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.09% และชาวต่างชาติ 2,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.43%
นายสุภกิตติ์ พลจันทร ผู้อำนวยการกองตลาดภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า จากการที่ได้จัดโครงการ อีสาน รีวิสิต 2010 โดยเชิญ ผู้ซื้อ ซึ่งเป็นสมาคมท่องเที่ยว 91 รายและบริษัทนำเที่ยวจากต่างประเทศกว่า 71 ราย ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ และฮ่องกง เข้ามาสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวในภาคอีสานของไทย โดยมีผู้ขาย จาก 19 จังหวัดในภาคอีสาน มาร่วมเจรจาธุรกิจ ปรากฎว่า กิจกรรมนี้ได้ก่อให้เกิดการนัดเจรจาระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายกว่า 300 ครั้ง ตกลงทำสัญญาแล้ว 50 สัญญา คาดว่า เกิดเงินสะพัดภายในงานนี้เฉพาะตลาดในประเทศกว่า 5 ล้านบาท และ ยอดซื้อจากตลาดต่างประเทศกว่า 10 ล้านบาท
ทั้งนี้ ททท.ได้ประเมินผลการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ พบว่า กลุ่มผู้ซื้อจาก มาเลเซีย อินเดีย และเวียดนาม มีความสนใจแหล่งท่องเที่ยว ประเภท พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์, อุทยานประวัติศาสตร์หินพิมาย และพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน โดยมองว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทัศนศึกษา สามารถเจาะตลาดนักเรียนได้ ส่วนผู้ซื้อจากตลาดญี่ปุ่น ก็นิยมแหล่งท่องเที่ยวไดโนเสาร์เช่นกัน แต่มองว่า เหมาะกับกลุ่มลูกค้าครอบครัว และกรุ๊ปทัวร์ สำหรับผู้ซื้อจากตลาดสิงคโปร์ สนใจสามพันโบก จังหวัดอุบลราชธานี เพราะมั่นใจว่าจะนำเสนอขายให้แก่ตลาดนักเรียนได้ เรียนรู้เรื่องการกระทำของธรรมชาติ
จากข้อมูลดังกล่าว ตอกย้ำให้ ททท. มั่นใจว่า ในปี 2553 นี้ จะส่งเสริมให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาภาคอีสานได้มากถึง 26.2 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน 5.93% แบ่งเป็นตลาดคนไทย 25.02 ล้านคน เพิ่มขึ้น 5.91% และชาวต่างชาติ 1.18 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6.33% และคาดว่าจะมีเงินสะพัดจากการเดินทางท่องเที่ยวปีนี้ ราว 47,300 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 11.28% แบ่งเป็นรายได้จากคนไทย 44,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.09% และชาวต่างชาติ 2,850 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.43%
