ขอแสดงความเสียใจแด่ "Mr.Lee" รองประธานวัย 51 "บริษัท ซัมซุง อิเล็คทรอนิกส์" บริษัทในเครือกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ที่กระโดดตึก "ฆ่าตัวตาย" ที่กรุงโซล เหตุ "รับภาระหนักหน่วงไม่ไหว" เป็นเหตุผลที่ระบุไว้ในจดหมายลาตาย บ่งบอกถึงเศรษฐกิจเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี...
ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังร่อแร่ "เศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ชัดเจน" แต่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังโดย "สาธิต รังคสิริ" ผู้อำนวยการฯ ออกมา "เสิร์ฟน้ำ" กลางทะเลทราย ด้วยการตั้งโต๊ะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 52 ว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3.5% ส่งผลให้ทั้งปีติดลบ 2.8% ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์...ถือเป็นข่าวดีช่วยบรรเทาบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจในชั่วโมงที่ข่าวปฏิวัติรัฐประหาร แพร่สะพัด!!
พูดถึงงานแถลงข่าววานนี้ "ยูเรก้า" กระทรวงมี "ดูโอ" คู่ใหม่ "สาธิต รังคสิริ-เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ" ผอ.กับโฆษกกระทรวงฯ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พอ "สาธิต" ขยับปุ๊บ โฆษกรับลูกทันที แบบไม่ต้องเงยหน้ามอง ยังกับท่องบทกันมาล่วงหน้า "ถือเป็นมิติใหม่" ของการทำงานที่ประสานไหลรื่น ระหว่าง ผอ.สศค.กับโฆษกกระทรวงคลังฯ ขุนคลังน่าจะถูกใจ...
เนื้อหาการแถลงข่าว มีการส่งสัญญาณว่า "เศรษฐกิจจะดีขึ้น" มีแรงหนุนจากการส่งออกในกลุ่มสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมเกษตร ส่วนการใช้จ่ายภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แถมอัตราว่างงานลดลงต่อเนื่อง แต่ที่ไม่ต้องลุ้นแล้วคือตลาดหุ้น "ผู้อ่อนไหว" ที่สุด ตลอดสัปดาห์ติดลบแดงเถือกจากปัจจัยตลาดโลก ซ้ำเติมด้วยการเมืองในประเทศที่กำลังปั่นป่วน เพราะรัฐบาลเล่นเกมการเมืองมากเกิน ลืมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการมาบตาพุด ที่มีแต่ทรงกับทรุด...
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นวานนี้ ช่วงเช้าดัชนีรีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศ แต่ค่อนข้างผันผวน กระทั่งช่วงบ่ายปิดตลาดดำดิ่งไปที่ 690.46 จุด ลบ 11.20 จุด หรือ 1.60% ปัจจัยกลุ่มคนเสื้อแดงป่วนเมืองก่อนคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ผสมโรงด้วยกรณีพรรคประชาธิปัตย์สวนทางพรรคร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้นักลงทุนเห็นคล้อยตามสื่อว่าจะมีการยุบสภา ขืนการเมืองเล่นเกมไปเรื่อยๆ ใครคิดจะเข้าตลาดหุ้น ขอให้ใจเย็น รอไปยาวๆ...
แม้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จะยืนยันเสียงแข็งว่าหลังพรรคประชาธิปัตย์ลงมติไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพ ทุกพรรคร่วมรัฐบาลยังทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น แต่พอเจอคำถามที่ว่าหุ้นตกมาจากการเมืองหรือไม่ ทั่นตอบได้แค่ "ไม่แน่ใจ" เอกชนเลยว้าเหว่...
ยอมจำนนสำหรับภาคเอกชน ล่าสุด "ชายน้อย เผื่อนโกสุม" CEO ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) 1 ในกรรมการภาคเอกชนในคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุด "สารภาพ" การทำตามข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ตามโครงการลงทุนในมาบตาพุดของเครือปตท. (PTT) ต้องใช้เวลาถึง 8-10 เดือน!!
สิ่งที่ CEO PTTAR ต้องการจากภาครัฐยังเป็นประเด็นเดิมที่เอกชนพูดหลายครั้งแล้วคือการทำงานของรัฐบาล วานช่วยเหลือขั้นอนุมัติโครงการให้เร็วขึ้นได้ไหม...ทั่นนายกฯ ควรจะลงมือเอง แต่เท่าที่เห็นยังรอหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกระรวงอุตฯ ทั้งๆ ที่ "ริบหรี่"...
หลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน นายกฯ บอกแค่กำลังหารือกับทางอัยการ ดูว่ามีช่องทางอะไรเพิ่มเติมอะไรบ้างในบางโครงการเท่านั้น นายกฯ ใจเย็นเหลือเกิน บอกมั่นใจเอกชนคงเข้าใจข้อกฎหมาย และเชื่อว่าทุกคนเคารพกระบวนการศาล คลุมเครือเหลือเกินทั่น...
ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังร่อแร่ "เศรษฐกิจไทยก็ยังไม่ชัดเจน" แต่สำนักงานเศรษฐกิจการคลังโดย "สาธิต รังคสิริ" ผู้อำนวยการฯ ออกมา "เสิร์ฟน้ำ" กลางทะเลทราย ด้วยการตั้งโต๊ะแถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปี 52 ว่าจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3.5% ส่งผลให้ทั้งปีติดลบ 2.8% ดีกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์...ถือเป็นข่าวดีช่วยบรรเทาบรรยากาศที่ไม่น่าไว้วางใจในชั่วโมงที่ข่าวปฏิวัติรัฐประหาร แพร่สะพัด!!
พูดถึงงานแถลงข่าววานนี้ "ยูเรก้า" กระทรวงมี "ดูโอ" คู่ใหม่ "สาธิต รังคสิริ-เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ" ผอ.กับโฆษกกระทรวงฯ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย พอ "สาธิต" ขยับปุ๊บ โฆษกรับลูกทันที แบบไม่ต้องเงยหน้ามอง ยังกับท่องบทกันมาล่วงหน้า "ถือเป็นมิติใหม่" ของการทำงานที่ประสานไหลรื่น ระหว่าง ผอ.สศค.กับโฆษกกระทรวงคลังฯ ขุนคลังน่าจะถูกใจ...
เนื้อหาการแถลงข่าว มีการส่งสัญญาณว่า "เศรษฐกิจจะดีขึ้น" มีแรงหนุนจากการส่งออกในกลุ่มสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุตสาหกรรมเกษตร ส่วนการใช้จ่ายภายในประเทศปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แถมอัตราว่างงานลดลงต่อเนื่อง แต่ที่ไม่ต้องลุ้นแล้วคือตลาดหุ้น "ผู้อ่อนไหว" ที่สุด ตลอดสัปดาห์ติดลบแดงเถือกจากปัจจัยตลาดโลก ซ้ำเติมด้วยการเมืองในประเทศที่กำลังปั่นป่วน เพราะรัฐบาลเล่นเกมการเมืองมากเกิน ลืมแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการมาบตาพุด ที่มีแต่ทรงกับทรุด...
บรรยากาศการลงทุนตลาดหุ้นวานนี้ ช่วงเช้าดัชนีรีบาวน์ตามตลาดต่างประเทศ แต่ค่อนข้างผันผวน กระทั่งช่วงบ่ายปิดตลาดดำดิ่งไปที่ 690.46 จุด ลบ 11.20 จุด หรือ 1.60% ปัจจัยกลุ่มคนเสื้อแดงป่วนเมืองก่อนคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน ผสมโรงด้วยกรณีพรรคประชาธิปัตย์สวนทางพรรคร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้นักลงทุนเห็นคล้อยตามสื่อว่าจะมีการยุบสภา ขืนการเมืองเล่นเกมไปเรื่อยๆ ใครคิดจะเข้าตลาดหุ้น ขอให้ใจเย็น รอไปยาวๆ...
แม้ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" จะยืนยันเสียงแข็งว่าหลังพรรคประชาธิปัตย์ลงมติไม่ร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 รัฐบาลยังคงมีเสถียรภาพ ทุกพรรคร่วมรัฐบาลยังทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น แต่พอเจอคำถามที่ว่าหุ้นตกมาจากการเมืองหรือไม่ ทั่นตอบได้แค่ "ไม่แน่ใจ" เอกชนเลยว้าเหว่...
ยอมจำนนสำหรับภาคเอกชน ล่าสุด "ชายน้อย เผื่อนโกสุม" CEO ปตท. อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) 1 ในกรรมการภาคเอกชนในคณะกรรมการ 4 ฝ่ายแก้ปัญหามาบตาพุด "สารภาพ" การทำตามข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญมาตรา 67 วรรค 2 ตามโครงการลงทุนในมาบตาพุดของเครือปตท. (PTT) ต้องใช้เวลาถึง 8-10 เดือน!!
สิ่งที่ CEO PTTAR ต้องการจากภาครัฐยังเป็นประเด็นเดิมที่เอกชนพูดหลายครั้งแล้วคือการทำงานของรัฐบาล วานช่วยเหลือขั้นอนุมัติโครงการให้เร็วขึ้นได้ไหม...ทั่นนายกฯ ควรจะลงมือเอง แต่เท่าที่เห็นยังรอหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกระรวงอุตฯ ทั้งๆ ที่ "ริบหรี่"...
หลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน นายกฯ บอกแค่กำลังหารือกับทางอัยการ ดูว่ามีช่องทางอะไรเพิ่มเติมอะไรบ้างในบางโครงการเท่านั้น นายกฯ ใจเย็นเหลือเกิน บอกมั่นใจเอกชนคงเข้าใจข้อกฎหมาย และเชื่อว่าทุกคนเคารพกระบวนการศาล คลุมเครือเหลือเกินทั่น...