xs
xsm
sm
md
lg

ครม.เศรษฐกิจ เฉ่งแบงก์ชาติหลับตาแก้บาทแข็ง สั่งทำรายงานแจงให้เป็นรูปธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ครม.เศรษฐกิจ กำชับแบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ย้ำต้องไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่ง พร้อมมอบหมายให้ ธปท.ไปจัดทำ "Nominal Effective Exchange Rate" และ "Real Effective Exchange Rate" เพื่อเปรียบเทียบค่าเงินบาทกับประเทศคู่แข่งของไทยแบบรายต่อราย เพื่อให้ภาคเอกชน-ส่งออก สามารถเห็นภาพได้อย่างชัดเจน "ธาริษา" ยันบาทแข็งค่าปานกลางเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค แต่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าหนักใจมากนัก


มีรายงานข่าวว่า การประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) วันนี้ นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ารายงานต่อที่ประชุมฯ โดยระบุว่า ค่าเงินบาทขณะนี้ แข็งค่าปานกลางเมื่อเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค แต่อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่น่าหนักใจมากนัก

โดยที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ วันนี้ ได้กำชับแบงก์ชาติดูแลค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่ง พร้อมมอบหมายให้ ธปท.ไปจัดทำ "Nominal Effective Exchange Rate" และ "Real Effective Exchange Rate" เพื่อเปรียบเทียบค่าเงินบาทกับประเทศคู่แข่งของไทยให้สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน และให้นำกลับมาเสนอรายละเอียดในการประชุมฯ ครั้งหน้า

ทั้งนี้ เงินบาทได้ปรับตัวแข็งค่าขึ้น 1.5% และเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งค่าขึ้นไม่มาก และไม่มีความผันผวนมาก ขณะที่เงินวอนของเกาหลีแข็งค่าขึ้นสูงสุดถึง 3.3%

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงในที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ถึงความจำเป็นที่ให้ ธปท.ไปจัดทำรายงานดังกล่าว เนื่องจากมีผู้ส่งออกและผู้ประกอบการของไทยสอบถามกันมากเรื่องค่าเงิน โดยแสดงความกังวลว่าเงินบาทของไทยจะแข็งค่ามากกว่าประเทศอื่นๆ และทำให้ไทยเสียเปรียบทางการค้ากับประเทศคู่แข่งได้

โดยนายกฯ ได้ขอให้ ธปท.ทำการเปรียบเทียบค่าเงิน เพราะผู้ส่งออกมักสอบถามเรื่องค่าเงิน กลัวว่าจะแข็งค่ามากกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ที่ให้ทำเพราะจะเปรียบเทียบค่าเงินบาทกับประเทศคู่ค้า เพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว เงินบาทอาจไม่ได้แข็งค่าขึ้นมากเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ ธปท.ได้รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ส่งผลให้แนวทางการดำเนินนโยบายและการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศมีความผันผวนมากขึ้นในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ภาคเศรษฐกิจไทยจะเห็นได้ว่ามีการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคภาคเอกชน, ภาคการท่องเที่ยว, ภาคการเกษตร และการส่งออกที่ปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่แรงกดดันต่อเงินเฟ้อจากด้านอุปสงค์ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ แต่ธปท.ประเมินว่าปีนี้อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากราคาน้ำมัน, การยกเลิกมาตรการลดค่าครองชีพของประชาชน และจากผลของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่ง ธปท.จะติดตามแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

ล่าสุด ครม.อนุมัติ ทีโอที และ กสท เช่าเครือข่ายโทรคมนาคม จาก กฟผ. กฟน. และ กฟภ. ซึ่งได้วางระบบใยแก้วนำแสงทั่วประเทศแล้ว



กำลังโหลดความคิดเห็น