ซัมซุงคาดปี 2553 ขายมือถือได้ 1 หมื่นล้านบาทแซงหน้าโนเกียขึ้นเป็นที่ 1 ‘มนาเทศ’ ชี้ปัจจัยความสำเร็จอยู่ที่การปรับระบบจัดจำหน่ายและโทรศัพท์มือถือซัมซุงตอบสนองได้ทุกกลุ่ม ทุกราคา ทุกความต้องการ เปิด 4 กลยุทธ์หลักรักษาเก้าอี้แชมป์พร้อมเปิดตัวซัมซุงวันมือถือรุ่นใหม่ฉลองอันดับหนึ่งตลาดมือถือไทย
นายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ปี 2553 คาดว่าซัมซุงจะมียอดขายโทรศัพท์มือถือทั้งสิ้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ถือว่ามีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั้งมูลค่าและจำนวนเครื่อง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดด้านมูลค่า (Value) สูงถึง 40% ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดด้านจำนวนเครื่อง (Volume) อยู่ที่ประมาณ 35% และคาดว่าตลาดรวมมือถือจะอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านเครื่อง หรือมูลค่าประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท เป็นการเติบโตขึ้นประมาณ 5% ซัมซุงมีส่วนแบ่งการตลาดด้านมูลค่าแซงหน้าแชมป์เก่าอย่างโนเกียตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 โดยซัมซุงมีส่วนแบ่งประมาณ 33% ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดด้านจำนวนเครื่องยังเป็นอันดับ 2 ห่างจากโนเกียเล็กน้อย แต่เชื่อว่าเมื่อรวมยอดขายเดือนธ.ค.2552 แล้ว ซัมซุงจะเป็นที่ 1 ในส่วนแบ่งการตลาดทั้งมูลค่าและจำนวนเครื่องอย่างแน่นอน
ซัมซุงเชื่อว่าปัจจัยของความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการปรับเปลี่ยนระบบช่องทางจำหน่ายมาเป็นขายเองแทนที่จะตั้งตัวแทนขายหลักในปี 2550 ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของซัมซุงดีขึ้นตามลำดับ จาก 7% ในปี 2550 เพิ่มเป็น 20% ในปี 2551 และเป็น 33% สิ้นเดือนพ.ย. 2552 และคาดว่าจะปิดตัวเลขปี 2552 ที่ส่วนแบ่งการตลาดด้านมูลค่าที่ 35% รวมทั้งซัมซุงยังมีสินค้าที่ตอบสนองทุกกลุ่มเป้าหมาย มีทั้งสินค้าที่สร้างมูลค่าอย่างมือถือตระกูลทัชโฟน และสมาร์ทโฟน รวมทั้งมือถือที่สร้างด้านยอดขายเครื่องอย่างระดับราคากลางถึงล่าง
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2553 ของซัมซุงประกอบด้วย 4 เรื่องหลักคือ 1.นวัตกรรมของโทรศัพท์มือถือที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ ครบทุกเซ็กเมนต์และครบทุกราคา โดยจะมีโปรดักส์ไฮไลท์ในแต่ละกลุ่มและมีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีโดย เฉพาะสมาร์ทโฟนของซัมซุงจะรองรับระบบปฏิบัติการที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นวินโดว์ส โมบายล์ ลิโม แอนดรอยด์ และบาดาซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ซัมซุงพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชันจากนักพัฒนาอิสระเพื่อให้ความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นไปตามแนวโน้มของโลกโทรศัพท์มือถือที่จะให้ความสำคัญกับเรื่อง Social Networking เพื่อการติดต่ออัพเดทไลฟ์สไตล์ของสังคมออนไลน์
2.เป็นผู้นำเรื่องแอปพลเคิชันและคอนเทนต์ที่หลากหลาย โดยซัมซุงจะเปิดซัมซุง แอปพลิเคชัน สโตร์ขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการใช้งานคอนเทนต์และแอปพลิเคชันร่วมกันระหว่างสินค้าของซัมซุงไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล ทีวี โน้ตบุ๊ก ซึ่งซัมซุงกำลังรอให้ตลาดประเทศไทยมีความพร้อมก่อนเปิดให้บริการ เนื่องจากในไทยยังมีปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ ซึ่งเปิดบริการปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็ยังไม่ถือว่าสายเกินไป
3.สร้างความเข้มแข็งในการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร โดยซัมซุงมีงบการตลาดประมาณ 8-10% ของยอดขาย หากปี 2553 ขายได้ 1หมื่นล้านบาท ซัมซุงจะมีงบการตลาดประมาณ 1 พันล้านบาทในการรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดมือถือ ซึ่งซัมซุงจะใช้ทั้งแบรนด์ แอมบาสเดอร์ กิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ และ Above the line ให้เข้าถึงผู้บริโภควงกว้าง มีทั้งหนังโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์และการโรดโชว์ในจังหวัดต่างๆ และ4.พัฒนาช่องทางจำหน่ายให้แข็งแกร่ง ทำให้คู่ค้าแข็งแรงผ่านโปรแกรมซัมซุงชัวร์
นายมนาเทศกล่าวว่า เพื่อเป็นการฉลองที่ซัมซุงครองยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย ซัมซุงเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ชื่อรุ่นซัมซุงวัน ราคา 4,290 บาทเป็นทัชโฟนที่มุ่งเจาะกลุ่มใครก็ได้ที่อยากใช้ทัชโฟนของมือถือมีแบรนด์ รวมทั้งกลุ่มคนตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งหญิงและชาย ที่ไม่เคยใช้ทัชโฟนมาก่อน และกลุ่มคนในต่างจังหวัดที่มองหาทัชโฟนที่เชื่อใจได้ โดยในปีนี้ซัมซุงจะเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ 20-30 รุ่นทำให้ทั้งปี 2553 ซัมซุงจะมีมือถือทำตลาดประมาณ 50 รุ่น
“แนวโน้มตลาดโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน คอนเทนต์ และแอปพลิเคชันจะมาแรง ในต่างประเทศคนสนใจฮาร์ดแวร์น้อยกว่าซอฟต์แวร์ แต่ในประเทศไทยคนยังสนใจฮาร์ดแวร์อยู่ แต่ปลายปีซอฟต์แวร์จะมา และซัมซุงก็จะเป็นผู้ที่รวบรวมคอนเทนต์และซอฟต์แวร์ต่างๆเข้ากับสินค้าซัมซุงทุกประเภท เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภค”
นายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด ธุรกิจโทรคมนาคม บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า ปี 2553 คาดว่าซัมซุงจะมียอดขายโทรศัพท์มือถือทั้งสิ้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ถือว่ามีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ทั้งมูลค่าและจำนวนเครื่อง โดยมีส่วนแบ่งการตลาดด้านมูลค่า (Value) สูงถึง 40% ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดด้านจำนวนเครื่อง (Volume) อยู่ที่ประมาณ 35% และคาดว่าตลาดรวมมือถือจะอยู่ที่ประมาณ 9 ล้านเครื่อง หรือมูลค่าประมาณ 2.9 หมื่นล้านบาท เป็นการเติบโตขึ้นประมาณ 5% ซัมซุงมีส่วนแบ่งการตลาดด้านมูลค่าแซงหน้าแชมป์เก่าอย่างโนเกียตั้งแต่เดือนพ.ย.2552 โดยซัมซุงมีส่วนแบ่งประมาณ 33% ในขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดด้านจำนวนเครื่องยังเป็นอันดับ 2 ห่างจากโนเกียเล็กน้อย แต่เชื่อว่าเมื่อรวมยอดขายเดือนธ.ค.2552 แล้ว ซัมซุงจะเป็นที่ 1 ในส่วนแบ่งการตลาดทั้งมูลค่าและจำนวนเครื่องอย่างแน่นอน
ซัมซุงเชื่อว่าปัจจัยของความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากการปรับเปลี่ยนระบบช่องทางจำหน่ายมาเป็นขายเองแทนที่จะตั้งตัวแทนขายหลักในปี 2550 ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของซัมซุงดีขึ้นตามลำดับ จาก 7% ในปี 2550 เพิ่มเป็น 20% ในปี 2551 และเป็น 33% สิ้นเดือนพ.ย. 2552 และคาดว่าจะปิดตัวเลขปี 2552 ที่ส่วนแบ่งการตลาดด้านมูลค่าที่ 35% รวมทั้งซัมซุงยังมีสินค้าที่ตอบสนองทุกกลุ่มเป้าหมาย มีทั้งสินค้าที่สร้างมูลค่าอย่างมือถือตระกูลทัชโฟน และสมาร์ทโฟน รวมทั้งมือถือที่สร้างด้านยอดขายเครื่องอย่างระดับราคากลางถึงล่าง
สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2553 ของซัมซุงประกอบด้วย 4 เรื่องหลักคือ 1.นวัตกรรมของโทรศัพท์มือถือที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ ครบทุกเซ็กเมนต์และครบทุกราคา โดยจะมีโปรดักส์ไฮไลท์ในแต่ละกลุ่มและมีจุดเด่นด้านเทคโนโลยีโดย เฉพาะสมาร์ทโฟนของซัมซุงจะรองรับระบบปฏิบัติการที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นวินโดว์ส โมบายล์ ลิโม แอนดรอยด์ และบาดาซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ซัมซุงพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับแอปพลิเคชันจากนักพัฒนาอิสระเพื่อให้ความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นไปตามแนวโน้มของโลกโทรศัพท์มือถือที่จะให้ความสำคัญกับเรื่อง Social Networking เพื่อการติดต่ออัพเดทไลฟ์สไตล์ของสังคมออนไลน์
2.เป็นผู้นำเรื่องแอปพลเคิชันและคอนเทนต์ที่หลากหลาย โดยซัมซุงจะเปิดซัมซุง แอปพลิเคชัน สโตร์ขึ้นในประเทศไทย เพื่อให้เกิดการใช้งานคอนเทนต์และแอปพลิเคชันร่วมกันระหว่างสินค้าของซัมซุงไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ กล้องดิจิตอล ทีวี โน้ตบุ๊ก ซึ่งซัมซุงกำลังรอให้ตลาดประเทศไทยมีความพร้อมก่อนเปิดให้บริการ เนื่องจากในไทยยังมีปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ ซึ่งเปิดบริการปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าก็ยังไม่ถือว่าสายเกินไป
3.สร้างความเข้มแข็งในการสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร โดยซัมซุงมีงบการตลาดประมาณ 8-10% ของยอดขาย หากปี 2553 ขายได้ 1หมื่นล้านบาท ซัมซุงจะมีงบการตลาดประมาณ 1 พันล้านบาทในการรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดมือถือ ซึ่งซัมซุงจะใช้ทั้งแบรนด์ แอมบาสเดอร์ กิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ และ Above the line ให้เข้าถึงผู้บริโภควงกว้าง มีทั้งหนังโฆษณา สื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์และการโรดโชว์ในจังหวัดต่างๆ และ4.พัฒนาช่องทางจำหน่ายให้แข็งแกร่ง ทำให้คู่ค้าแข็งแรงผ่านโปรแกรมซัมซุงชัวร์
นายมนาเทศกล่าวว่า เพื่อเป็นการฉลองที่ซัมซุงครองยอดขายอันดับ 1 ในประเทศไทย ซัมซุงเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ชื่อรุ่นซัมซุงวัน ราคา 4,290 บาทเป็นทัชโฟนที่มุ่งเจาะกลุ่มใครก็ได้ที่อยากใช้ทัชโฟนของมือถือมีแบรนด์ รวมทั้งกลุ่มคนตั้งแต่อายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งหญิงและชาย ที่ไม่เคยใช้ทัชโฟนมาก่อน และกลุ่มคนในต่างจังหวัดที่มองหาทัชโฟนที่เชื่อใจได้ โดยในปีนี้ซัมซุงจะเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ 20-30 รุ่นทำให้ทั้งปี 2553 ซัมซุงจะมีมือถือทำตลาดประมาณ 50 รุ่น
“แนวโน้มตลาดโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน คอนเทนต์ และแอปพลิเคชันจะมาแรง ในต่างประเทศคนสนใจฮาร์ดแวร์น้อยกว่าซอฟต์แวร์ แต่ในประเทศไทยคนยังสนใจฮาร์ดแวร์อยู่ แต่ปลายปีซอฟต์แวร์จะมา และซัมซุงก็จะเป็นผู้ที่รวบรวมคอนเทนต์และซอฟต์แวร์ต่างๆเข้ากับสินค้าซัมซุงทุกประเภท เพื่อตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภค”