รมช.คลัง แจงปัญหาหวยออนไลน์ ไม่ใช่ประเด็นขัดแย้งทางการเมือง ชี้ การตั้งกรรมการศึกษาฯ ถือว่ามีความเป็นกลาง อยากให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ เพื่อรอดูผลสรุปใน 30 วัน ย้ำชัดรัฐต้องจ่ายเงินชดเชย หากผลออกมาให้ยกเลิก และหากให้เดินหน้าต่อ ก็ต้องบอกให้ชัด พร้อมยอมรับ การบริหารจัดการโควตาสลากฯ เป็นเรื่องหิน เพราะมีผลประโยชน์มาก และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลไม่ต้องการส่งเสริมให้สังคมไทยมีหวยออนไลน์ และตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาศึกษานั้น ถือว่ามีความเป็นกลาง และต้องการให้ทุกฝ่ายใจเย็นๆ เพื่อรอดูผลสรุปที่จะออกมาภายใน 30 วันนี้ก่อนว่า จะออกมาอย่างไร
โดยสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล บริษัทเอกชนคู่สัญญาและสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพร้อมไปให้ข้อมูลอยู่แล้ว ดังนั้น ในช่วงระหว่างนี้ต้องรอไปก่อน โดยจะมีความชัดเจนในอีก 30 วัน ทั้งนี้ ตนพร้อมจะสนับสนุนตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าผลสรุปจะออกมาอย่างไร ทั้งการยุติโครงการหรือการจ่ายชดเชยเป็นเงินเท่าไร หากบริษัทยอมรับได้ก็ไม่มีข้อขัดแย้งประการใด แต่ค่าชดเชยความเสียหายนั้น รัฐบาลต้องรับผิดชอบ และหากจำเป็นต้องเดินหน้าโครงการต่อ ก็ต้องบอกให้ชัดเจนว่าจะให้เดินหน้าอย่างไร
นายประดิษฐ์ ยืนยันว่า กรณีหวยออนไลน์ไม่ใช่ประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง เพียงแต่เห็นว่า สิ่งใดทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายก็ต้องมาพูดคุยกัน ซึ่งที่ผ่านมาได้หารือกับนายกรัฐมนตรีแล้ว และช่วงที่ตนเข้ามากำกับดูแลสำนักงานสลากฯ ก็มีการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีมาแล้วถึง 3 คน ตนก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน แม้ว่าจะไม่มีโครงการหวยออนไลน์ แต่เชื่อว่าสำนักงานสลากฯ มีแนวทางการแก้ปัญหาสลากฯ เกินราคา โดยเฉพาะการเพิ่มปริมาณสลากให้เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานสลากฯ ไม่เคยพิมพ์สลากเพิ่มมานานแล้ว ขณะที่ความต้องการมีมากขึ้น จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เมื่ออุปสงค์อุปทานไม่เท่ากัน ราคาลอตเตอรี่ก็แพง
"ต้องยอมรับว่า การบริหารจัดการโควตาสลากฯ เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะมีผลประโยชน์มาก และเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่อย่างไรก็ตาม ผมได้มอบนโยบายให้สำนักงานสลากฯ ทำงานอย่างโปร่งใส่และเป็นธรรม"
ส่วนสาเหตุที่ต้องจัดสรรโควตาสลากให้นิติบุคคลก่อน เนื่องจากมีความพร้อมรับความเสี่ยงได้มากกว่ารายย่อยหรือองค์กรการกุศลต่างๆ ส่วนองค์กรการกุศลต่างๆ ต้องจัดสรรให้มูลนิธิที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น ซึ่งสำนักงานสลากฯ มีคณะกรรมการ และหลักเกณฑ์คุณสมบัติในการจัดสรรโควตาอยู่แล้ว
โดยล่าสุดในวันที่ 16 มกราคม 2553 นี้ ก็จะมีสลากในท้องตลาดทั้งสิ้น 58 ล้านฉบับ จากการพิมพ์สลากการกุศลเพิ่มอีก 8 ล้านฉบับ ที่เป็นโควตาของนิติบุคคล 4 ล้านฉบับ องค์กรการกุศล 2 ล้านฉบับ และรายย่อยอีก 2 ล้านฉบับ เชื่อว่าราคาขายปลีกจะเริ่มปรับลดลงมาได้อีก
ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้สำนักงานสลากฯ ไปดูการจัดสรรโควตาลอตเตอรี่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและคลังจังหวัดว่ามีการบริหารสลากที่ได้รับไปอย่างไร เพื่อดูความเหมาะสมในการจัดสรรโควตาสลากปกติต่อไป ในส่วนของโควตาผู้ว่าฯ และคลังจังหวัดกำลังให้พิจารณาว่าได้ไปแล้วเอาไปใช้อย่างไรบ้าง เพราะกระทรวงการคลังพยายามให้การจัดสรรเกิดความเป็นธรรมมากที่สุด
