บิ๊กบอสอิมแพ็คฯมั่นใจตลาดไมซ์ไทยปีขาลฟื้นชัวร์ ตามภาวะเศรษฐกิจโลกแถมยิงยาวถึงปี 2554 คุยอิมแพ็คได้ยอดจองพื้นที่ล่วงหน้าแล้ว 40% คาดทั้งปีขอโต 15% จากปีก่อนปิดยอดที่ 800 งานผู้ชมกว่า 15 ล้านคน โดยงานแสดงสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคสัดส่วนการเติบโตสูงสุด สะท้อนผู้บริโภคมีความมั่นใจจึงเริ่มจับจ่าย ย้ำปัจจัยลบยังเป็นเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง และปัญหาการรระบาดของไข้หวัด 2009
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจการจัดงานประชุมสัมนานิทรรศกาลและงานแสดงสินค้า(MICE: Meetings, Incentives, Convention and Exhibition) ในปี 2553 นี้จะเติบโตจากปี 2552 ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในทั่วโลก แต่จะเป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ในปี 2554 จะเริ่มเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกแบบรวดเร็วและยั่งยืนมากขึ้น จากการประเมินสถานการณ์ดังที่กล่าวมา จึงมั่นใจว่าธุรกิจไมซ์ของประเทศไทยก็จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน แต่ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้ประเทศไทยไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์นั้น จะมาจากสถานการณ์ความมั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัด 2009
ทั้งนี้สำหรับอิมแพ็ค ในปี 2553 ล่าสุด ได้มียอดการจองพื้นที่จัดงานจากลูกค้าไว้ล่วงหน้าแล้วถึง 40% หากเทียบกับพื้นที่เช่าทั้งหมดของอิมแพค ดังนั้นจึงมีความมั่นใจว่าธุรกิจเช่าพื้นที่จัดงานของอิมแพคในปีนี้จะต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปี 2552 ที่มีจำนวนการจัดงานรวมทั้งปีที่ 800 งาน มีผู้เข้าชมงานกว่า 15 ล้านคน ซึ่งมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติโดยเป็นการเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทย โดยงานส่วนใหญ่ที่จัดที่อิมแพ็ค 70% ยังเป็นงานของผู้จัดภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มงานแสดงสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคทั่วไป (Consumer Exhibitions)มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีระดับความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผล ให้ผู้จัดงานมีความมั่นใจที่จะจัดงานประเภทดังกล่าวที่อิมแพ็คเพิ่ม ขณะที่ตัวเลขการจองล่วงหน้าของงานแสดงสินค้าเพื่อการเจรจาธุรกิจการค้า (Trade Exhibitions) คาดว่ายังคงเติบโตในอัตราเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และจะเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยที่ไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบให้เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย และ ปัญหาโรคระบาด
“ยอมรับว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกและเศรษบกิจในประเทศไทยปีนี้จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งปีแกร และ จะเริ่มเติบโตแบบชีดเจนในครึ่งปีหลังต่อเนื่องถึงปีต่อไป จากการคาดการณ์นี้ ทำให้อิมแพ็คมีความมั่นใจและตัดสินใจขยายการลงทุน”
ล่าสุดใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว เพื่อรองรับและให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจัดงานและร่วมงานที่อิมแพ็คและสถานที่ใกล้เคียง เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง โดยวางแนวคิดเป็นบิสสิเนสโฮเทล โดยอยู่ระหว่างการคัดเลือกเชนโรงแรมที่จะเข้ามาบริหารจัดการ คาดว่าเร็วนี้จะได้ข้อสรุป
นายพอลล์ กล่าวว่า บริษัทได้ขยายงานด้านบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ด้วยการเปิดบริการด้านการตลาด ด้านการขาย บริการที่ปรึกษา และการจัดหากลุ่มลูกค้าหรือผู้ร่วมออกแสดงงานนิทรรศการ ตลอดจนการสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์สำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อีกด้วย
นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจการจัดงานประชุมสัมนานิทรรศกาลและงานแสดงสินค้า(MICE: Meetings, Incentives, Convention and Exhibition) ในปี 2553 นี้จะเติบโตจากปี 2552 ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในทั่วโลก แต่จะเป็นการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่ในปี 2554 จะเริ่มเห็นการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกแบบรวดเร็วและยั่งยืนมากขึ้น จากการประเมินสถานการณ์ดังที่กล่าวมา จึงมั่นใจว่าธุรกิจไมซ์ของประเทศไทยก็จะเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน แต่ทั้งนี้ปัจจัยที่จะทำให้ประเทศไทยไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์นั้น จะมาจากสถานการณ์ความมั่นคงทางการเมืองภายในประเทศ การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัด 2009
ทั้งนี้สำหรับอิมแพ็ค ในปี 2553 ล่าสุด ได้มียอดการจองพื้นที่จัดงานจากลูกค้าไว้ล่วงหน้าแล้วถึง 40% หากเทียบกับพื้นที่เช่าทั้งหมดของอิมแพค ดังนั้นจึงมีความมั่นใจว่าธุรกิจเช่าพื้นที่จัดงานของอิมแพคในปีนี้จะต้องเติบโตไม่น้อยกว่า 15% จากปี 2552 ที่มีจำนวนการจัดงานรวมทั้งปีที่ 800 งาน มีผู้เข้าชมงานกว่า 15 ล้านคน ซึ่งมีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติโดยเป็นการเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศไทย โดยงานส่วนใหญ่ที่จัดที่อิมแพ็ค 70% ยังเป็นงานของผู้จัดภายในประเทศ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มงานแสดงสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภคทั่วไป (Consumer Exhibitions)มีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมาที่สุด สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมีระดับความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น จึงส่งผล ให้ผู้จัดงานมีความมั่นใจที่จะจัดงานประเภทดังกล่าวที่อิมแพ็คเพิ่ม ขณะที่ตัวเลขการจองล่วงหน้าของงานแสดงสินค้าเพื่อการเจรจาธุรกิจการค้า (Trade Exhibitions) คาดว่ายังคงเติบโตในอัตราเดียวกันกับปีที่ผ่านมา และจะเติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยที่ไม่มีปัจจัยลบเข้ามากระทบให้เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะเรื่องความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย และ ปัญหาโรคระบาด
“ยอมรับว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกและเศรษบกิจในประเทศไทยปีนี้จะเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไปในช่วงครึ่งปีแกร และ จะเริ่มเติบโตแบบชีดเจนในครึ่งปีหลังต่อเนื่องถึงปีต่อไป จากการคาดการณ์นี้ ทำให้อิมแพ็คมีความมั่นใจและตัดสินใจขยายการลงทุน”
ล่าสุดใช้งบประมาณ 2,000 ล้านบาท ก่อสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว เพื่อรองรับและให้บริการแก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจัดงานและร่วมงานที่อิมแพ็คและสถานที่ใกล้เคียง เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง โดยวางแนวคิดเป็นบิสสิเนสโฮเทล โดยอยู่ระหว่างการคัดเลือกเชนโรงแรมที่จะเข้ามาบริหารจัดการ คาดว่าเร็วนี้จะได้ข้อสรุป
นายพอลล์ กล่าวว่า บริษัทได้ขยายงานด้านบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ด้วยการเปิดบริการด้านการตลาด ด้านการขาย บริการที่ปรึกษา และการจัดหากลุ่มลูกค้าหรือผู้ร่วมออกแสดงงานนิทรรศการ ตลอดจนการสนับสนุนด้านการประชาสัมพันธ์สำหรับกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อีกด้วย