xs
xsm
sm
md
lg

ปี 2553 หวั่นเป็น “เสือลำบาก” ส่องทิศผ่าน 5 นายกสมาคมฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล
ส่องทิศเศรษฐกิจปี 2553 ผ่านมุมมอง 5 นายกสมาคมฯธุรกิจต่างๆ มั่นใจเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว มองเห็นแสงสว่าง แต่ยังหวั่นปัญหาซ้ำซากๆ คือ การเมือง ที่ส่อแววรุนแรงได้ทุกเมื่อ จะส่งผลกระทบให้เป็นปี “เสือลำบาก” อีก

1.สมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย


นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย กล่าวในมุมมองของนักการตลาดว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2553 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะหากรัฐบาลมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งลงทุนโครงการรถไฟฟ้า ฯลฯ หรือผลักดันโครงการไทยเข้มแข็งต่อเนื่อง ภาวะเศรษฐกิจไตรมาสแรกน่าจะมีทิศทางที่ดี และมีแนวโน้มว่าธุรกิจค้าปลีกปี 2553 น่าจะฟื้นตัวโดยมีการเติบโต 6-6.5% หลังจากปี2552 สภาพธุรกิจค้าปลีกซบเซาอย่างหนัก แม้ว่าจะมีการเติบโต 6% ก็ตาม

แต่การเติบโตส่วนใหญ่มาจากการทำโปรโมชันของสินค้า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการซื้อ ทั้งนี้ พบว่า ผู้บริโภคเริ่มออกมาจับจ่ายใช้สอย นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมของปี 2552 ที่ผ่านมา และปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนพฤศจิกายน จากสถานการณ์การเมืองที่นิ่ง แม้ว่าจะมีการประท้วงเกิดขึ้นแต่ก็ไม่มีความรุนแรง

2.สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย

นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมการค้าส่ง-ปลีกไทย วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2553 ว่า หากในปี 2553 นี้ สภาพปัญหาการเมืองของไทยยังคงวุ่นวายเหมือนกับปี 2552 ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้มากกว่าการประคองตัว เพราะจะทำอะไรทีก็ต้องห่วงหน้าพะวงหลังกับพวกฝ่ายค้าน ความวุ่นวายทางการเมืองและความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่ชัดเจนเสียที สภาพเศรษฐกิจไทยก็ยังคงซบเซาเหมือนกับปีที่แล้วไม่เปลี่ยนแปลง

เรื่องของความขัดแย้งทางการเมืองแม้ว่าจะเป็นเรื่องเดิมๆที่ไม่มีความชัดเจนและไม่จบสิ้นเสียที ในรอบหลายๆปีที่ผ่านมานี้ แต่ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจของไทยจะไปทางไหน เพราะว่าเรื่องการเมืองนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะชี้ขาดเรื่องเศรษฐกิจของไทย

ส่วนธุรกิจโชห่วยในปี 2553 คงต้องแข่งขันกันอีกปีหนึ่งไม่แพ้กับปีที่แล้ว เพราะว่าจะต้องเผชิญกับเรื่องของการเปิดเสรีค้าปลีก และผลพวงจากการเริ่มใช้เขตการค้าเสรีอาเซียน ที่คาดว่าจะทำให้สินค้าและบริการต่างๆจากต่างประเทศทะลักเข้ามาในไทยมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อธุรกิจไทย ซึ่งในส่วนของโชวห่วยก็ได้รับผลกระทบด้วย

3.เกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย

นายเกษม อินทร์แก้ว นายกสมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปกติอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีเมื่อปี 2552 มีการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท แต่ปี 2553 เชื่อว่าเม็ดเงินลงทุนจะเติบโตขึ้นอีก 2-3 เท่าตัว ทั้งจากปัจจัยของฐานสมาชิกที่เชื่อว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 1 ล้านครัวเรือนนั้น หรือรวมแล้วปีหน้าจะมีผู้รับชมเคเบิลทีวีกว่า 4 ล้านครัวเรือน ถือเป็นปัจจัยหลักที่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีจำนวน 300-350 ราย จะลงทุนต่อเนื่อง เพื่อขยายการให้บริการเพิ่ม และเมื่อรวมกับค่าบริการที่สมาชิกต้องจ่ายในแต่ละเดือนแล้ว 5,000 ล้านบาท ถือเป็นเม็ดเงินที่จะได้เห็นในปี 2553 และปีนี้เคเบิลทีวีจะมีการแข่งขันกันรุนแรงจากผู้ประกอบการรายเก่าและรายใหม่ที่เข้ามาลงทุน

ทั้งนี้เป็นผลพวงมาจาก การที่คณะอนุกรรมการ กทช. ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อมาดูแลและพิจารณาออกใบอนุญาตประกอบกิจการชั่วคราวให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวี ตามพรบ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ปี 2551 ได้ออกใบอนุญาตให้กับผู้ประกอบการเคเบิลทีวี จำนวนกว่า 300-350 บริษัท ทั่วประเทศไปแล้วเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้อุตสาหกรรมเคเบิลทีวีมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

4.ริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย

นางสาวริสรวล อร่ามเจริญ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องความขัดแย้งทางการเมืองยังคงเป็นประเด็นหลักที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของไทยเช่นเดิม ซึ่งมองว่า การเมืองยังคงมีการแบ่งขั้วแบ่งฝ่าย แบ่งสีเหมือนเดิม ความขัดแย้งก็ยังมีอยู่ แม้ว่าตอนนี้ภาพรวมเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาก็ตาม แต่ก็ยังไม่มั่นคง เพราะตราบใดที่ปัญหาการเมืองยังดำรงอยู่ไม่จบสิ้น

ตอนนี้เพิ่งเริ่มต้นปี ก็ได้แต่คาดเดากันไป ซึ่งก็คงไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า ปี 2553 ปีเสือปีนี้ จะเป็น เสือร้องไห้ หรือเสือลำบาก แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดีไว้ก่อน ว่าไม่น่าจะแย่ไปกว่าปีที่แล้ว ซึ่งมั่นใจว่าธุรกิจหนังสือน่าจะเติบโตได้ 4% จากมูลค่าตลาดรวมปี 2552 ที่มีประมาณ 20,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2551 ที่มีประมาณ 18,000 ล้านบาท

5.เสริมคุณ คุณาวงศ์ อุปนายก สมาคม สร้างสรรค์การจัดงาน

นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ อุปนายก สมาคม สร้างสรรค์การจัดงาน มองว่า ต้องจับตามองในช่วงไตรมาสแรกปี 2553 ให้ดี เพราะหากว่าในช่วงนี้ไม่มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่ร้อนแรงแล้วเชื่อว่าทั้งปีเศรษฐกิจน่าจะไปได้ดี เนื่องจากว่าปีนี้ งบประมาณของภาครัฐทั้งไทยเข้มแข็งและครีเอทีฟอีโคโนมีจะมีผลใช้กันแล้ว ส่งผลให้ธุรกิจอีเวนต์เกิดความคึกคักไปด้วย เพราะงบประมาณจากภาครัฐจะมีมากกว่าภาคเอกชน คาดว่าทั้งปี 2553 ภาพรวมอีเวนต์จะเติบโตได้ 5% จากมูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาทในปี 2552
ทิ่ติดลบ 2%

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวมปีนี้ น่าจะดีกว่าปีที่แล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังตัวเหมือนกัน เนื่องจากว่า ธุรกิจอีเวนต์เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นความปลอดภัย เพราะเป็นสิ่งที่ทำให้คนหมู่มากมารวมตัวกัน ดังนั้นถ้าหากว่าการเมืองยังยุ่ง คนยังหวั่นเรื่องความปลอดภัย ก็อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจอีเวนต์ได้เหมือนกัน

“ผมมองว่า ปี 2553 ซึ่งเป็นปีเสือนี้ คงจะเป็นเสือลำบากเล็กๆ”
สมชาย พรรัตนเจริญ
เกษม อินทร์แก้ว
ริสรวล อร่ามเจริญ
เสริมคุณ คุณาวงศ์
กำลังโหลดความคิดเห็น