"กรณ์" ขยายเวลาลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบออกไปไม่จำกัดเวลา หลังประเมินยอดสิ้นปีแค่ 7 แสนราย ยันรัฐบาลตั้งใจแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ระบุเริ่มโอนนี้รายแรกได้ภายในเดือนมกราคม 53 มั่นใจหลังโครงการเดินหน้าประชาชนแห่ลงทะเบียน
นายกรณ์ จาติกวาณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขยายเวลาการลงทะเบียนให้ประชาชนในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแบบไม่จำกัด จากเดิมที่จะครบกำหนดเวลาในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ เนื่องจากพบว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ และกลัวเจ้าหนี้ จึงยังไม่ยอมมาลงทะเบียน แต่เชื่อว่าหากโครงการดังกล่าวได้เดินหน้าต่อไปจนเห็นผลที่ชัดเจนแล้ว ประชาชนที่ไม่กล้าลงทะเบียนในช่วงแรก น่าจะสนใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
อีกทั้ง ได้ประเมินว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะมีลูกหนี้มาลงทะเบียน 700,000 ราย ต่ำกว่าเป้าหมายที่ประเมินไว้แต่แรกว่าจะมี 1 ล้านราย หรือเฉลี่ยวันละ 300,000-40,000 ราย ซึ่งค่อย ๆ ทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากช่วงแรกที่มาลงทะเบียนเพียงวันละ 20,000 รายเท่านั้น ขณะเดียวกันรัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ฉาบฉวย โดยจะหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป เพื่อยกระดบคุณภาพชีวิตประชาชนในอนาคต
ทั้งนี้คาดว่าโครงการดังกล่าวนี้จะเริ่มเดินหน้าโอนหนี้เข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่เดือนก.พ.-มี.ค. 53 นี้เป็นต้นไป โดยกระทรวงการคลังจะเร่งพิจารณากลุ่มลูกหนี้ที่เดือดร้อนเป็นกรณีพิเศษก่อน อาทิ กรณีที่ลูกหนี้นำโฉนดที่ดินไปจำนองกับเจ้าหนี้ซึ่งทำให้ประชาชนไม่มีที่ดินทำมาหากิน และอาจเสียที่ดินให้แก่เจ้าหนี้นอกระบบ ดังนั้นจะเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็วเป็นกรณีพิเศษ โดยจะเริ่มทำตั้งแต่เดือนม.ค.53 นี้เป็นต้นไป หรือหากเห็นว่ามีกรณีใดที่ประชาชนเดือดร้อนมาก จะเร่งพิจารณาในอันดับแรกเช่นกัน
พร้อมกันนี้ จะเร่งหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจะดำเนินการออกใบอนุญาตให้เจ้าหนี้นอกระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามแผนแม่บทพัฒนาตลาดเงินระยะที่ 2 ซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ประชาชนกว่า 100,000 ราย – 1 ล้านราย ยังต้องการที่จะกู้ยืมหนี้นอกระบบอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจะเร่งหาแนวทางให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตให้โดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำได้ภายในปี 53 เป็นต้นไป และจะมีผลบังคับใช้ในปี 54 ตามแผนงาน
“ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้เริ่มแยกแยะข้อมูลของลูกหนี้นอกระบบแล้ว ซึ่งจะเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อนมากที่สุดเป็นอันดับแรก อาทิ ชาวบ้านที่นำที่ดินมาเป็นหลักประกันในการขอกู้ยืมหนี้นอกระบบทำให้ไม่มีที่ดินทำมาหากิน ซึ่งขณะนี้มีแนวทางที่จะขยายเวลาอย่างไม่จำกัดในการลงทะเบียน เพื่อจะเป็นการช่วยเหลือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เกิดความยั่งยืนต่อไป”
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธปท.มีแนวคิดไปในทางเดียวกัน ในการจะออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจการเงินระดับฐานราก (ไมโครไฟแนนซ์) โดย มีข้อเสนอว่าจะจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่สนใจทำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ โดยวางระเบียบกฎเกณฑ์ชัดเจน และมีความเป็นไปได้ที่จะให้ใบอนุญาตกับเจ้าหนี้นอกระบบที่สนใจทำธุรกิจนี แต่จะต้องเข้ามาขออนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งจะเป็นการผันเจ้าหนี้นอกระบบมาเป็นเจ้าหนี้ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย
นายกรณ์ จาติกวาณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้มอบหมายให้ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ขยายเวลาการลงทะเบียนให้ประชาชนในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบแบบไม่จำกัด จากเดิมที่จะครบกำหนดเวลาในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ เนื่องจากพบว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจ และกลัวเจ้าหนี้ จึงยังไม่ยอมมาลงทะเบียน แต่เชื่อว่าหากโครงการดังกล่าวได้เดินหน้าต่อไปจนเห็นผลที่ชัดเจนแล้ว ประชาชนที่ไม่กล้าลงทะเบียนในช่วงแรก น่าจะสนใจเข้าร่วมโครงการมากขึ้น
อีกทั้ง ได้ประเมินว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะมีลูกหนี้มาลงทะเบียน 700,000 ราย ต่ำกว่าเป้าหมายที่ประเมินไว้แต่แรกว่าจะมี 1 ล้านราย หรือเฉลี่ยวันละ 300,000-40,000 ราย ซึ่งค่อย ๆ ทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากช่วงแรกที่มาลงทะเบียนเพียงวันละ 20,000 รายเท่านั้น ขณะเดียวกันรัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ฉาบฉวย โดยจะหาแหล่งเงินทุนเพื่อช่วยเหลือประชาชนต่อไป เพื่อยกระดบคุณภาพชีวิตประชาชนในอนาคต
ทั้งนี้คาดว่าโครงการดังกล่าวนี้จะเริ่มเดินหน้าโอนหนี้เข้าสู่ระบบได้ตั้งแต่เดือนก.พ.-มี.ค. 53 นี้เป็นต้นไป โดยกระทรวงการคลังจะเร่งพิจารณากลุ่มลูกหนี้ที่เดือดร้อนเป็นกรณีพิเศษก่อน อาทิ กรณีที่ลูกหนี้นำโฉนดที่ดินไปจำนองกับเจ้าหนี้ซึ่งทำให้ประชาชนไม่มีที่ดินทำมาหากิน และอาจเสียที่ดินให้แก่เจ้าหนี้นอกระบบ ดังนั้นจะเร่งดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างรวดเร็วเป็นกรณีพิเศษ โดยจะเริ่มทำตั้งแต่เดือนม.ค.53 นี้เป็นต้นไป หรือหากเห็นว่ามีกรณีใดที่ประชาชนเดือดร้อนมาก จะเร่งพิจารณาในอันดับแรกเช่นกัน
พร้อมกันนี้ จะเร่งหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจะดำเนินการออกใบอนุญาตให้เจ้าหนี้นอกระบบให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามแผนแม่บทพัฒนาตลาดเงินระยะที่ 2 ซึ่งยอมรับว่าขณะนี้ประชาชนกว่า 100,000 ราย – 1 ล้านราย ยังต้องการที่จะกู้ยืมหนี้นอกระบบอยู่ ดังนั้นรัฐบาลจะเร่งหาแนวทางให้สอดคล้องกับการดำเนินชีวิตให้โดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าจะเริ่มทำได้ภายในปี 53 เป็นต้นไป และจะมีผลบังคับใช้ในปี 54 ตามแผนงาน
“ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้เริ่มแยกแยะข้อมูลของลูกหนี้นอกระบบแล้ว ซึ่งจะเร่งแก้ปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อนมากที่สุดเป็นอันดับแรก อาทิ ชาวบ้านที่นำที่ดินมาเป็นหลักประกันในการขอกู้ยืมหนี้นอกระบบทำให้ไม่มีที่ดินทำมาหากิน ซึ่งขณะนี้มีแนวทางที่จะขยายเวลาอย่างไม่จำกัดในการลงทะเบียน เพื่อจะเป็นการช่วยเหลือการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้เกิดความยั่งยืนต่อไป”
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธปท.มีแนวคิดไปในทางเดียวกัน ในการจะออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจการเงินระดับฐานราก (ไมโครไฟแนนซ์) โดย มีข้อเสนอว่าจะจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาออกใบอนุญาตให้ผู้ประกอบการที่สนใจทำธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ โดยวางระเบียบกฎเกณฑ์ชัดเจน และมีความเป็นไปได้ที่จะให้ใบอนุญาตกับเจ้าหนี้นอกระบบที่สนใจทำธุรกิจนี แต่จะต้องเข้ามาขออนุญาตอย่างถูกต้อง ซึ่งจะเป็นการผันเจ้าหนี้นอกระบบมาเป็นเจ้าหนี้ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย
