"บิ๊กไฝ ปตท." ชี้จุดตายธุรกิจโรงกลั่น คาดปี 53 แนวโน้มขาลง พร้อมประเมินค่าการกลั่นหดเหลือ 1-2 ดอลลาร์/บาร์เรล พร้อมแสดงความเป็นห่วงธุรกิจโรงกลั่น อาจอยู่ได้ยากขึ้น เพราะมีคู่แข่งเพิ่ม ขณะที่ต้นทุนก็สู้สิงคโปร์ไม่ได้
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ประเมินว่า ค่าการกลั่นในปี 2553 จะอยู่ในระดับต่ำที่ประมาณ 1-2 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เป็นไปตามแนวโน้มอุตสาหกรรมโรงกลั่นที่อยู่นช่วงขาลง ประกอบกับจะมีโรงกลั่นขนาดใหญ่เพิ่มเข้ามา ทั้งที่อินเดียและจีน แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวและทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้น
"หากค่าการกลั่นต่ำกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ธุรกิจโรงกลั่นก็เจ๊งแล้ว ผู้ประกอบการก็ได้แต่หวังว่าถ้าเศรษฐกิจฟื้นตัว ความต้องการใช้น้ำมันจะเพิ่มขึ้น โรงกลั่นก็อาจจะไม่แย่มากอย่างที่คิดไว้"
ทั้งนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. มองว่า ในปีหน้าธุรกิจโรงกลั่นของไทยค่อนข้างลำบาก เนื่องจากต้องแข่งขันกับสิงคโปร์ที่มีต้นทุนการขนส่งและต้นทุนน้ำมันดิบต่ำกว่าไทย รวมทั้ง ภาระภาษีก็ต่ำกว่าด้วย ดังนั้น โอกาสการแข่งขันของไทยที่จะสู้กับสิงคโปร์คงยังเป็นเรื่องยาก
สำหรับภาวะตลาดน้ำมันในปี 2553 คาดว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะอยู่ที่ระดับ 70-80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าปีนี้ที่อยู่ในระดับ 60-70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ปีหน้าเชื่อว่ากำลังการผลิตน้ำมันในประเทศจะสูงถึง 9 แสน ถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แบ่งเป็นการใช้ในประเทศ 7 แสนบาร์เรลต่อวัน ใช้ในธุรกิจปิโตรเคมี 1 แสนบาร์เรลต่อวัน และส่งออกประมาณ 1-2 แสนบาร์เรลต่อวัน
