มิวสิคเฟสติวัลมาแรงรับลมหนาว โอกาสเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ทำตลาด “เทอร์มินัล เอ็กซ์ตร้า” กระโดดลงศึก ทุ่ม 30 ล้านบาท ผุดงาน “Bangkok Decembery” มัดใจคนกรุง ณ สนามเสือป่า ส่งท้ายเดือนแห่งความสุข เผยไม่คิดชิงพื้นที่จัดคอนเสิร์ตเกาหลี ขอลุยดนตรีแจสตามทนัด สิ้นปีมั่นใจรายได้รวมแตะ 70 ล้านบาท
นางวนิดา วรรณศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์มินัล เอ็กซ์ตร้า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า กระแสมิวสิคเฟสติวัล จะเห็นว่ากำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง1-2ปีมานี้ ซึ่งจะเน้นจัดกันในช่วงปลายปีถึงต้นปี ส่วนหนึ่งมองว่ามาจากตลาดนี้ยังมีช่องว่าง อีกทั้งยังมีผู้เล่นหรือผู้จัดงานน้อยอยู่ การจัดงานแต่ละครั้งมีจำนวนคนเข้าชมค่อนข้างสูง ช่วงหลังจึงมีคนหันมาจัดงานในลักษณะดังกล่าวมากขึ้น แต่ในอนาคตมองว่ากระแสดังกล่าวจะอยู่ได้หรือไม่ได้นั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของงาน และขนาดพื้นที่การจัดงานก็น่าจะลดลง เพราะผู้ฟังเริ่มที่จะชัดเจนในการเลือกชมมากขึ้น
และอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดลักษณะงานดังกล่าวนั้น มาจากกลุ่มสปอนเซอร์ โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่าง เบียร์ ซึ่งปัจจุบันถูกบีบให้ไม่สามารถโฆษณาตามปกติได้ ส่งผลให้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง จึงกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ถูกนำมาใช้ เพื่อขับเคลื่อนรายได้
ในส่วนของเทอร์มินัล เอ็กซ์ตร้า จึงได้เกิดแนวคิดในการจัดคอนเสิร์ต ในลักษณะใกล้เคียงกับมิวสิคเฟสติวัลขึ้นมาเช่นเดียวกัน แต่จะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ โดยได้ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท จัดงาน “Bangkok Decembery” ขึ้น ณ สนามเสือป่า ในวันที่ 19 ธ.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00น. โดยมีเบียร์สิงห์ เป็นสปอนเซอร์หลัก ซึ่งรูปแบบงานนี้ จะเป็นกลุ่มเพลงฟังสบายๆ พร้อมมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก และมีสอยดาว และพื้นที่สนามเด็กเล่น จับกลุ่มครอบครัว ระดับบีขึ้นไป บัตรมราคา 1,200 บาท ราคาเดียว
สำหรับBangkok Decembery เป็นงานที่จับกลุ่มคนกรุง ซึ่งยังไม่มีใครเข้ามาทำตลาดนี้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนกรุงเทพฯ หรือคาดว่าจะสามารถจุคนเข้าชมได้ราว 1.2-1.5 หมื่นคน ขณะที่ทั้งปีบริษัทจัดงานคอนเสิร์ตเองประมาณ 3 งาน และจัดให้กับAIA อีก 3 งาน ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้ น่าจะทำได้ถึง 60-70 ล้านบาท โดย Bangkok Decembery จะเป็นรายได้ที่เข้ามาในปีหน้า รวมกับงานคอนเสิร์ตบางกอกแจสอีก 1 งาน เชื่อว่าาปีหน้ารายได้อย่างน้อย 50 ล้านบาท
นางวนิดา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นในไทยขณะนี้ เกาหลีจะมาแรง ส่วนระะดับอินเตอร์จากฝั่งยุโรปมีลดลง ทั้งนี้นักร้องศิลปินจากทางฝั่งนั้น ต้องการมาจัดคคอนเสิร์ตแถบเอเชียอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจทางเอเชียดีกว่า ซึ่งทางบริษัทคงไม่เข้าไปทำในกลุ่มเกาหลี เพราะไม่ถนัดและอาจจะเจ็บตัวได้ ส่วนอินเตอร์ก็มีคนที่ทำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมุ่งจัดคอนเสิร์ตที่ถนัดมากกว่า โดยเฉพาะดนตรีแจส ซึ่งปัจจุบันถือว่ามีกลุ่มเป้าหมายมากพอสมควร
นางวนิดา วรรณศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทอร์มินัล เอ็กซ์ตร้า เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า กระแสมิวสิคเฟสติวัล จะเห็นว่ากำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง1-2ปีมานี้ ซึ่งจะเน้นจัดกันในช่วงปลายปีถึงต้นปี ส่วนหนึ่งมองว่ามาจากตลาดนี้ยังมีช่องว่าง อีกทั้งยังมีผู้เล่นหรือผู้จัดงานน้อยอยู่ การจัดงานแต่ละครั้งมีจำนวนคนเข้าชมค่อนข้างสูง ช่วงหลังจึงมีคนหันมาจัดงานในลักษณะดังกล่าวมากขึ้น แต่ในอนาคตมองว่ากระแสดังกล่าวจะอยู่ได้หรือไม่ได้นั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของงาน และขนาดพื้นที่การจัดงานก็น่าจะลดลง เพราะผู้ฟังเริ่มที่จะชัดเจนในการเลือกชมมากขึ้น
และอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดลักษณะงานดังกล่าวนั้น มาจากกลุ่มสปอนเซอร์ โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่าง เบียร์ ซึ่งปัจจุบันถูกบีบให้ไม่สามารถโฆษณาตามปกติได้ ส่งผลให้กลยุทธ์มิวสิคมาร์เก็ตติ้ง จึงกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ถูกนำมาใช้ เพื่อขับเคลื่อนรายได้
ในส่วนของเทอร์มินัล เอ็กซ์ตร้า จึงได้เกิดแนวคิดในการจัดคอนเสิร์ต ในลักษณะใกล้เคียงกับมิวสิคเฟสติวัลขึ้นมาเช่นเดียวกัน แต่จะจัดขึ้นในกรุงเทพฯ โดยได้ทุ่มงบกว่า 30 ล้านบาท จัดงาน “Bangkok Decembery” ขึ้น ณ สนามเสือป่า ในวันที่ 19 ธ.ค. นี้ ตั้งแต่เวลา 16.00-24.00น. โดยมีเบียร์สิงห์ เป็นสปอนเซอร์หลัก ซึ่งรูปแบบงานนี้ จะเป็นกลุ่มเพลงฟังสบายๆ พร้อมมีร้านจำหน่ายของที่ระลึก และมีสอยดาว และพื้นที่สนามเด็กเล่น จับกลุ่มครอบครัว ระดับบีขึ้นไป บัตรมราคา 1,200 บาท ราคาเดียว
สำหรับBangkok Decembery เป็นงานที่จับกลุ่มคนกรุง ซึ่งยังไม่มีใครเข้ามาทำตลาดนี้ เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากคนกรุงเทพฯ หรือคาดว่าจะสามารถจุคนเข้าชมได้ราว 1.2-1.5 หมื่นคน ขณะที่ทั้งปีบริษัทจัดงานคอนเสิร์ตเองประมาณ 3 งาน และจัดให้กับAIA อีก 3 งาน ส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในสิ้นปีนี้ น่าจะทำได้ถึง 60-70 ล้านบาท โดย Bangkok Decembery จะเป็นรายได้ที่เข้ามาในปีหน้า รวมกับงานคอนเสิร์ตบางกอกแจสอีก 1 งาน เชื่อว่าาปีหน้ารายได้อย่างน้อย 50 ล้านบาท
นางวนิดา กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามจะเห็นว่าคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นในไทยขณะนี้ เกาหลีจะมาแรง ส่วนระะดับอินเตอร์จากฝั่งยุโรปมีลดลง ทั้งนี้นักร้องศิลปินจากทางฝั่งนั้น ต้องการมาจัดคคอนเสิร์ตแถบเอเชียอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจทางเอเชียดีกว่า ซึ่งทางบริษัทคงไม่เข้าไปทำในกลุ่มเกาหลี เพราะไม่ถนัดและอาจจะเจ็บตัวได้ ส่วนอินเตอร์ก็มีคนที่ทำอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมุ่งจัดคอนเสิร์ตที่ถนัดมากกว่า โดยเฉพาะดนตรีแจส ซึ่งปัจจุบันถือว่ามีกลุ่มเป้าหมายมากพอสมควร