เซเว่นอีเลฟเว่น มั่นใจปี 2553 เศรษฐกิจรวมฟื้นตัวดีขึ้น อัดงบก้อนโต 5,000 ล้านบาท ผุดเพิ่มอีก 400 สาขา เพิ่มอีก 1 คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิ รับสินค้าอาหารโต 15% คาดรายได้สิ้นปีนี้ทะลุแสนล้านบาท
ดร.สุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” กล่าวว่า นโยบายการลงทุนของบริษัทฯในปี 2553 จะให้ความสำคัญกับเรื่องของต้นทุนและผลตอบแทนเป็นสำคัญ หากพื้นที่ใดที่พิจารณาแล้วพบว่าจะเกิดความเสี่ยงต่อการลงทุนหรือไม่คุ้ม เช่นในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีศักยภาพมากนัก บริษัทฯก็จะไม่เข้าไปลงทุนแต่อย่างใด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในปีหน้า จะใช้งบประมาณกว่า 3,500- 5,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาเซเว่นอีเลฟเว่นอีกกว่า 400 สาขา ซึ่งขนาดของสาขานั้นขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และศักยภาพของทำเล ตามประเภทพื้นที่เช่น เมืองท่องเที่ยว ย่านอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ตามหัวเมืองใหญ่
นอกจากนั้นยังมีแผนใช้งบอีก 300 ล้านบาท ขยายคลังสินค้าที่ต้องควบคุมอุณภหภูมิอีก 1 แห่งจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 แห่งคือที่ เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น ส่วนที่ขอนแก่นนั้นจะใช้งบ 500 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงและขยายพื้นที่คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิใหม่
สำหรับแผนการตลาดนั้น จะยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเหมือนเดิม โดยในปีนี้ สินค้ากลุ่มนี้มีการเติบโตด้านรายได้มากกว่า 15% และปีหน้า วางเป้าหมายสัดส่วนรายได้กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็น 80% และกลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร 20% จากรายได้รวม ขณะที่ปีนี้สัดส่วนรายได้อาหารและเครื่องดื่ม 72-73% และกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร 27-28%
ดร.สุวิทย์ คาดการณ์ปีหน้าด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้นมากกว่าปีนี้ เนื่องจากตัวเลขการส่งออกมีมากขึ้น รวมทั้งสินค้าเกษตรก็มีราคาที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็เริ่มฟื้นตัวในทางที่ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ส่วนภาพรวมค้าปลีกปี 2553 คาดว่าจะเติบโต 20%
สำหรับผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปี 2552 มียอดขายเติบโต 15% และกำไรเติบโต 30% และคาดว่าสิ้นปี 2552 จะมีรายได้รวมเกิน 100,000 ล้านบาท มากกว่าปี 2551 ที่มีรายได้ประมาณ 80,000-90,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 5,123 สาขา แบ่งสัดส่วนเป็นร้านของบริษัทฯ 56% และสัดส่วนร้านของแฟรนไชส์ 44%
ดร.สุวิทย์ กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจร้านสะดวกซื้อ “เซเว่นอีเลฟเว่น” กล่าวว่า นโยบายการลงทุนของบริษัทฯในปี 2553 จะให้ความสำคัญกับเรื่องของต้นทุนและผลตอบแทนเป็นสำคัญ หากพื้นที่ใดที่พิจารณาแล้วพบว่าจะเกิดความเสี่ยงต่อการลงทุนหรือไม่คุ้ม เช่นในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีศักยภาพมากนัก บริษัทฯก็จะไม่เข้าไปลงทุนแต่อย่างใด เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม แผนการลงทุนในปีหน้า จะใช้งบประมาณกว่า 3,500- 5,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาเซเว่นอีเลฟเว่นอีกกว่า 400 สาขา ซึ่งขนาดของสาขานั้นขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่และศักยภาพของทำเล ตามประเภทพื้นที่เช่น เมืองท่องเที่ยว ย่านอุตสาหกรรม หรือพื้นที่ตามหัวเมืองใหญ่
นอกจากนั้นยังมีแผนใช้งบอีก 300 ล้านบาท ขยายคลังสินค้าที่ต้องควบคุมอุณภหภูมิอีก 1 แห่งจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 3 แห่งคือที่ เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น ส่วนที่ขอนแก่นนั้นจะใช้งบ 500 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงและขยายพื้นที่คลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิใหม่
สำหรับแผนการตลาดนั้น จะยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเหมือนเดิม โดยในปีนี้ สินค้ากลุ่มนี้มีการเติบโตด้านรายได้มากกว่า 15% และปีหน้า วางเป้าหมายสัดส่วนรายได้กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็น 80% และกลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร 20% จากรายได้รวม ขณะที่ปีนี้สัดส่วนรายได้อาหารและเครื่องดื่ม 72-73% และกลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร 27-28%
ดร.สุวิทย์ คาดการณ์ปีหน้าด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้นมากกว่าปีนี้ เนื่องจากตัวเลขการส่งออกมีมากขึ้น รวมทั้งสินค้าเกษตรก็มีราคาที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็เริ่มฟื้นตัวในทางที่ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากขึ้น ส่วนภาพรวมค้าปลีกปี 2553 คาดว่าจะเติบโต 20%
สำหรับผลประกอบการช่วง 9 เดือนแรกปี 2552 มียอดขายเติบโต 15% และกำไรเติบโต 30% และคาดว่าสิ้นปี 2552 จะมีรายได้รวมเกิน 100,000 ล้านบาท มากกว่าปี 2551 ที่มีรายได้ประมาณ 80,000-90,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีร้านเซเว่นอีเลฟเว่น 5,123 สาขา แบ่งสัดส่วนเป็นร้านของบริษัทฯ 56% และสัดส่วนร้านของแฟรนไชส์ 44%