ธุรกิจถ่ายหนังต่างประเทศในประเทศไทย ปีนี้วูบ 60% รายได้หดกว่า 1,200 ล้านบาท เหตุวิกฤตเศรษฐกิจโลก และ การเมืองไทย กระทบหนังฟอร์มใหญ่หายเกลี้ยง ผอ.สพท. มั่นใจปีหน้าตีคืนได้โต 20% เพราะยังหวั่นวิกฤตดูไบเวิลด์ กระทบซ้ำ เล็งโหมโรดโชว์ เพิ่มอีก 2 ประเทศ รวมทั้งปีเป็น 6 ประเทศ โปรโมตโลเกชั่นประเทศไทย
นายเสกสรร นาควงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว(สพท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยปี 2552 คาดว่าจะลดลงกว่า 605 เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้รวม 2,023 ล้านบาท จากการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยทั้งสิ้น 526 เรื่อง โดยในปี 2552 นี้ ภาพรวม 11 เดือน(ม.ค.-พ.ย.)มีรายได้จากธุรกิจถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยรวมเพียง 815 ล้านบาท จากจำนวนภาพยนตร์ 457 เรื่อง
สาเหตุที่ยอดรวมรายได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะ ปีนี้ไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ที่ใช้เงินในการถ่ายทำสูง เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเลย จะมีก็แต่ภาพยนตร์ฟอร์มเล็ก ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์โฆษณา มิวสิควิดิโอ ซึ่งมีมูลค่าเรื่องละไม่กี่ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สพท.ยังมั่นใจว่า ในปี 2553 อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตและทำรายได้ให้แก่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากปีนี้อย่างน้อย 20% โดยล่าสุด มีกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จากต่างประเทศเริ่มทยอยติดต่อเข้ามาถ่ายทำในปีหน้าแล้วรวม 3 เรื่อง โดยมาจาประเทศ เกาหลี อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จะผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะเศรษฐกิจดีผู้คนก็จะบริโภคและให้ความสำคัญกับเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เพิ่มขึ้น
นายเสกสรร กล่าวยอมรับว่า มีความกังวลเรื่องปัญหาวิกฤตของดูไบเวิลด์ ว่าจะส่งผลกระทบกับประเทศที่เป็นลูกค้าหลักของการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย รวมถึงปัญหาอื่นๆที่เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม ได้แก่ ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองของประเทศไทย ปัญหาโรคระบาด
ดังนั้นในปีงบประมาณ 2553 สพท. จึงร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมให้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูลความพร้อมและการบริการของประเทศไทย ที่พร้อมรองรับทีมงานผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ รวมถึง โลเกชั่น ที่เหมาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์ที่หลากหลาย โดยตลอดปีจะโรดโชว์รวม 6 ประเทศ เพิ่มจากปีนี้ที่โรดโชว์ 4 ประเทศ คือเกาหลี ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ซึ่ง 2 ประเทศที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น ปลายต.ค. และ สเปน ต้นเดือนพ.ย. ซึ่งที่สเปน เป็นงานส่งเสริมการขายสถานที่(โลเกชั่น)ถ่ายทำภาพยนตร์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งไทยมีจุดแข็งในด้านโลเกชั่นอยู่แล้วส จะใช้เวทีนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนั้น มีแผนเจาะตลาดในเอเชีย เชิญชวนให้เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาตลาดเอเชียมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้แต่ละครั้งจะใช้เม็ดเงินจำนวนไม่มาก เหมือนลูกค้าจากตลาดอเมริกา หรือยุโรป แต่ เอเชียเป็นตลาดระยะใกล้ ที่เดินทางสะดวก มีโอกาสมาได้บ่อยครั้ง ซึ่งในปี 2552 นี้ กองถ่ายภาพยนตร์จากประเทศอินเดียเข้ามาใช้บริการโลเกชั่นในประเทศไทยมากที่สุด โดย 11 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ย.52) มีจำนวนรวม 104 เรื่อง รองมาคือญี่ปุ่น มีจำนวน 101 เรื่อง ส่วนเกาหลีมี 25 เรื่อง ขณะที่ภาพรวมภ่าพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ตลอด 11 เดือนปีนี้ แบ่งเป็น ภาพยนตร์สารคดี 154 เรื่อง ภาพยนตร์เรื่องยาว 34 เรื่อง ภาพยนตร์ทีวี 48 เรื่อง และ มิวสิควิดิโอ 57 เรื่อง
นายเสกสรร นาควงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาการท่องเที่ยว(สพท.) เปิดเผยว่า ภาพรวมรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยปี 2552 คาดว่าจะลดลงกว่า 605 เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีรายได้รวม 2,023 ล้านบาท จากการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยทั้งสิ้น 526 เรื่อง โดยในปี 2552 นี้ ภาพรวม 11 เดือน(ม.ค.-พ.ย.)มีรายได้จากธุรกิจถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยรวมเพียง 815 ล้านบาท จากจำนวนภาพยนตร์ 457 เรื่อง
สาเหตุที่ยอดรวมรายได้ลดลงมากเมื่อเทียบกับปีก่อน เพราะ ปีนี้ไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ ที่ใช้เงินในการถ่ายทำสูง เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยเลย จะมีก็แต่ภาพยนตร์ฟอร์มเล็ก ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์โฆษณา มิวสิควิดิโอ ซึ่งมีมูลค่าเรื่องละไม่กี่ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม สพท.ยังมั่นใจว่า ในปี 2553 อุตสาหกรรมนี้จะเติบโตและทำรายได้ให้แก่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นจากปีนี้อย่างน้อย 20% โดยล่าสุด มีกองถ่ายภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่จากต่างประเทศเริ่มทยอยติดต่อเข้ามาถ่ายทำในปีหน้าแล้วรวม 3 เรื่อง โดยมาจาประเทศ เกาหลี อังกฤษ และ ฝรั่งเศส ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จะผลักดันให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์เติบโตไปในทิศทางเดียวกัน เพราะเศรษฐกิจดีผู้คนก็จะบริโภคและให้ความสำคัญกับเอ็นเตอร์เทนเม้นท์เพิ่มขึ้น
นายเสกสรร กล่าวยอมรับว่า มีความกังวลเรื่องปัญหาวิกฤตของดูไบเวิลด์ ว่าจะส่งผลกระทบกับประเทศที่เป็นลูกค้าหลักของการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย รวมถึงปัญหาอื่นๆที่เป็นปัจจัยนอกเหนือการควบคุม ได้แก่ ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองของประเทศไทย ปัญหาโรคระบาด
ดังนั้นในปีงบประมาณ 2553 สพท. จึงร่วมกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมให้บริการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย เดินสายโรดโชว์ในต่างประเทศ เพื่อให้ข้อมูลความพร้อมและการบริการของประเทศไทย ที่พร้อมรองรับทีมงานผู้ถ่ายทำภาพยนตร์ รวมถึง โลเกชั่น ที่เหมาะกับการถ่ายทำภาพยนตร์ที่หลากหลาย โดยตลอดปีจะโรดโชว์รวม 6 ประเทศ เพิ่มจากปีนี้ที่โรดโชว์ 4 ประเทศ คือเกาหลี ฮ่องกง สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ซึ่ง 2 ประเทศที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ญี่ปุ่น ปลายต.ค. และ สเปน ต้นเดือนพ.ย. ซึ่งที่สเปน เป็นงานส่งเสริมการขายสถานที่(โลเกชั่น)ถ่ายทำภาพยนตร์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งไทยมีจุดแข็งในด้านโลเกชั่นอยู่แล้วส จะใช้เวทีนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นอกจากนั้น มีแผนเจาะตลาดในเอเชีย เชิญชวนให้เข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาตลาดเอเชียมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้แต่ละครั้งจะใช้เม็ดเงินจำนวนไม่มาก เหมือนลูกค้าจากตลาดอเมริกา หรือยุโรป แต่ เอเชียเป็นตลาดระยะใกล้ ที่เดินทางสะดวก มีโอกาสมาได้บ่อยครั้ง ซึ่งในปี 2552 นี้ กองถ่ายภาพยนตร์จากประเทศอินเดียเข้ามาใช้บริการโลเกชั่นในประเทศไทยมากที่สุด โดย 11 เดือนแรก(ม.ค.-พ.ย.52) มีจำนวนรวม 104 เรื่อง รองมาคือญี่ปุ่น มีจำนวน 101 เรื่อง ส่วนเกาหลีมี 25 เรื่อง ขณะที่ภาพรวมภ่าพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ตลอด 11 เดือนปีนี้ แบ่งเป็น ภาพยนตร์สารคดี 154 เรื่อง ภาพยนตร์เรื่องยาว 34 เรื่อง ภาพยนตร์ทีวี 48 เรื่อง และ มิวสิควิดิโอ 57 เรื่อง