ประชาอาภรณ์ในเครือสหพัฒน์ สยายธุรกิจ รุกรีเทล สร้างแบรนด์เสื้อผ้าตัวเอง ประเดิม 2 แบรนด์ พร้อมลุยเปิดร้าน บูติก คลับ พีจี วางเป้าปีหน้า 5 สาขาต่ำ ส่วนธุรกิจผลิต ปีหน้าเน้นส่งออกผ้าผืนดิบมากขึ้น เน้นตลาดเอเซีย
นางสมพร ติยะวิบูลย์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประชาอาภรณ์ จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขยายไลน์ธุรกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 30 กว่าปี สู่ตลาดรีเทลด้วยการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของบริษัทฯขึ้นมาเอง จากเดิมที่เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์อื่นในเครือสหพัฒน์ที่จัดจำหน่ายและได้ไลเซ่นส์ในการผลิต เนื่องจากบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอยู่แล้วจึงได้เพิ่มบทบาทแบรด์ตัวเอง
โดยขณะนี้ได้ผลิตเสื้อผ้า 2 แบรนด์ออกสู่ตลาดคือ 1.พราว (Proud) จับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงที่มีรูปร่างขนาดใหญ่พิเศษ หรือ บิ๊กไซส์ ระดับราคา 1,000 – 4,000 กว่าบาทขึ้นไป และ 2. ทรีซิกโอ (360) เป็นเสื้อผ้าผู้หญิงทุกวัย ที่มีบุคลลิกคล่องแคล่ว เป็นชุดลำลอง สวมใส่สบาย มีสีสัน ระดับราคา 500 – 2,000 บาท
รวมทั้งการลงทุนเปิดร้านรีเทลชอปเป็นครั้งแรกด้วยชื่อว่า บูติก คลับ พีจี ( Boutique Club PG) ที่เดอะมอลล์ สาขาท่าพระ ชั้น 2 พื้นที่เฉลี่ย 100 กว่าตารางเมตร ลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่บริษัทมีอยู่แล้วแต่ปล่อยให้รายอื่นเช่าแทน ขณะนี้นำกลับมาทำเองแล้ว ซึ่งร้านนี้จำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ของบริษัทฯเป็นหลัก โดยเริ่มที่ 2 แบรนด์ดังกล่าวนี้ โดยได้เปิดร้านอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ( 30 พ.ย.)
ในปีหน้าบริษัทฯยังมีแผนที่จะเปิดร้านบูติกดังกลาวนี้อีกอย่างต่ำ 3-5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และมีแผนที่จะเปิดตัวเสื้อผ้าผู้ชายของบริษัทฯอีกแบรนด์หนึ่ง โดยจับกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย เป็นแนวคลาสสิคใส่ง่าย ได้ทุกโอกาส ส่วนชื่อแบรนด์ ยังไม่สรุป
อย่าไรก็ตาม บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในช่วง 3 ปีจากนี้ จะบุกตลาดรีเทลและเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองอย่างเต็มที่ หลังจากที่ทดลองทำตลาดมาแล้วตั้งแต่กลางปีนี้ในงานสหพัฒน์เอ็กซ์โปและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในช่วง 3 ปีแรกของธุรกิจรีเทลและแบรนด์ตัวเองทั้งหมดนี้ไว้ที่ 20 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจหลักคือ การผลิตนั้น นางสมพรกล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะขยายสัดส่วนตลาดส่งออกมากขึ้น โดยวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้ส่งอออกปีหน้าไว้ที่ 20% จากปัจจุบันที่ยังมีสัดส่วนน้อยมาก โดยมีเป้าหมายที่จะทำการส่งออกเป็นผ้าผืนดิบแทนที่จะส่งออกเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ตลาดหลักคือ เวียดนาม และประเทศในเอเชีย
ก่อนหน้านี้การส่งออกของบริษัทฯลดลงไปบ้างเนื่องจากผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยของโลกทำให้ออร์เดอร์ต่างประเทศลดลงไปด้วย ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงาน 4 แห่งคือที่ กรุงเทพฯ, ลำพูน, กบินทร์บุรีและนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์บางนา-ตราด ซึ่งปีหน้ายังไม่มีแผนเพิ่มกำลังผลิต แต่จะทำการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการลดพลังงานต่างๆด้วย ทั้งนี้สัดส่วนแบรนด์สินค้าที่บริษัทฯรับจ้างผลิตให้นั้น เช่น ลาคอสต์ เป็นตัวหลักกว่า 30% แอร์โรว์ และชุดว่ายน้ำเช่น สตรีมไลน์ แอล บีเอสซี เป็นต้น
สำหรับรายได้ของบริษัทฯในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งตกลงจากปีที่แล้วเล็กน้อยประมาณ 4-5% เนื่องจากว่าสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี แต่ในส่วนของกำไรนั้นมีการเติบโตมากขึ้นประมาณ 5% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ 1,000 กว่าล้าบาท เติบโตจากปีนี้ประมาณ 10-15%
นางสมพร ติยะวิบูลย์ศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประชาอาภรณ์ จำกัด (มหาชน) ในเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขยายไลน์ธุรกิจเป็นครั้งแรกในรอบ 30 กว่าปี สู่ตลาดรีเทลด้วยการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของบริษัทฯขึ้นมาเอง จากเดิมที่เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์อื่นในเครือสหพัฒน์ที่จัดจำหน่ายและได้ไลเซ่นส์ในการผลิต เนื่องจากบริษัทฯมีความเชี่ยวชาญด้านการผลิตอยู่แล้วจึงได้เพิ่มบทบาทแบรด์ตัวเอง
โดยขณะนี้ได้ผลิตเสื้อผ้า 2 แบรนด์ออกสู่ตลาดคือ 1.พราว (Proud) จับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงที่มีรูปร่างขนาดใหญ่พิเศษ หรือ บิ๊กไซส์ ระดับราคา 1,000 – 4,000 กว่าบาทขึ้นไป และ 2. ทรีซิกโอ (360) เป็นเสื้อผ้าผู้หญิงทุกวัย ที่มีบุคลลิกคล่องแคล่ว เป็นชุดลำลอง สวมใส่สบาย มีสีสัน ระดับราคา 500 – 2,000 บาท
รวมทั้งการลงทุนเปิดร้านรีเทลชอปเป็นครั้งแรกด้วยชื่อว่า บูติก คลับ พีจี ( Boutique Club PG) ที่เดอะมอลล์ สาขาท่าพระ ชั้น 2 พื้นที่เฉลี่ย 100 กว่าตารางเมตร ลงทุนเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่บริษัทมีอยู่แล้วแต่ปล่อยให้รายอื่นเช่าแทน ขณะนี้นำกลับมาทำเองแล้ว ซึ่งร้านนี้จำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ของบริษัทฯเป็นหลัก โดยเริ่มที่ 2 แบรนด์ดังกล่าวนี้ โดยได้เปิดร้านอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ ( 30 พ.ย.)
ในปีหน้าบริษัทฯยังมีแผนที่จะเปิดร้านบูติกดังกลาวนี้อีกอย่างต่ำ 3-5 แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และมีแผนที่จะเปิดตัวเสื้อผ้าผู้ชายของบริษัทฯอีกแบรนด์หนึ่ง โดยจับกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย เป็นแนวคลาสสิคใส่ง่าย ได้ทุกโอกาส ส่วนชื่อแบรนด์ ยังไม่สรุป
อย่าไรก็ตาม บริษัทฯตั้งเป้าหมายไว้ว่า ภายในช่วง 3 ปีจากนี้ จะบุกตลาดรีเทลและเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองอย่างเต็มที่ หลังจากที่ทดลองทำตลาดมาแล้วตั้งแต่กลางปีนี้ในงานสหพัฒน์เอ็กซ์โปและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายรายได้ในช่วง 3 ปีแรกของธุรกิจรีเทลและแบรนด์ตัวเองทั้งหมดนี้ไว้ที่ 20 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจหลักคือ การผลิตนั้น นางสมพรกล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะขยายสัดส่วนตลาดส่งออกมากขึ้น โดยวางเป้าหมายสัดส่วนรายได้ส่งอออกปีหน้าไว้ที่ 20% จากปัจจุบันที่ยังมีสัดส่วนน้อยมาก โดยมีเป้าหมายที่จะทำการส่งออกเป็นผ้าผืนดิบแทนที่จะส่งออกเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยพุ่งเป้าหมายไปที่ตลาดหลักคือ เวียดนาม และประเทศในเอเชีย
ก่อนหน้านี้การส่งออกของบริษัทฯลดลงไปบ้างเนื่องจากผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอยของโลกทำให้ออร์เดอร์ต่างประเทศลดลงไปด้วย ปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงาน 4 แห่งคือที่ กรุงเทพฯ, ลำพูน, กบินทร์บุรีและนิคมอุตสาหกรรมเวลโกรว์บางนา-ตราด ซึ่งปีหน้ายังไม่มีแผนเพิ่มกำลังผลิต แต่จะทำการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งการลดพลังงานต่างๆด้วย ทั้งนี้สัดส่วนแบรนด์สินค้าที่บริษัทฯรับจ้างผลิตให้นั้น เช่น ลาคอสต์ เป็นตัวหลักกว่า 30% แอร์โรว์ และชุดว่ายน้ำเช่น สตรีมไลน์ แอล บีเอสซี เป็นต้น
สำหรับรายได้ของบริษัทฯในปีนี้คาดว่าจะมีประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งตกลงจากปีที่แล้วเล็กน้อยประมาณ 4-5% เนื่องจากว่าสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี แต่ในส่วนของกำไรนั้นมีการเติบโตมากขึ้นประมาณ 5% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ ขณะที่ในปีหน้าบริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวมที่ 1,000 กว่าล้าบาท เติบโตจากปีนี้ประมาณ 10-15%