เคาะเลือก "สุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์" นั่งผู้ว่า กฟผ. บอร์ดการันตีใสปิ๊ง

บอร์ด กฟผ.มีมติเลือก "สุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์" เป็นผู้ว่าการคนใหม่ แจงผลพิจารณาวิสัยทัศน์ ยันมีความสามารถบริหารองค์กรขนาดใหญ่ได้ดี ชี้ คะแนนที่เสนอมาไม่แตกต่างกันมาก ส่วนข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ไม่มีหลักฐานที่จะบ่งบอกว่า ผู้ว่าการคนใหม่ มีพฤติกรรมดังกล่าว และเป็นเรื่องปกติที่มีการแข่งขันชิงตำแหน่ง ด้านสหภาพฯ ไม่ติดใจประเด็นใกล้ชิดนักการเมือง ลั่นพร้อมตรวจสอบหากได้กลิ่นทุจริต

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการฯ โดยระบุว่า ที่ประชุมวานนี้ เห็นชอบเสนอให้นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ แทนคนปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 17 ธันวาคม 2552 โดยขั้นตอนจากนี้ไปจะต้องมีการหารือกับทางกระทรวงการคลังในเรื่องอัตราว่าจ้าง หลังจากนั้นจะเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป

ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาฯ ที่มีการเสนอ 4 รายชื่อ เรียงตามลำดับคะแนนมาให้ที่ประชุมบอร์ดฯ ได้พิจารณา ดังนี้ คือ นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ นายสมบูรณ์ อารยะสกุล รองผู้ว่าการพัฒนา นายวิรัช กาญจนพิบูลย์ รองผู้ว่าการกิจการสังคมและสิ่งแวดล้อม และนายสหัส ประทักษ์นุกูล รองผู้ว่าการนโยบายและแผน ดังนั้น บอร์ดฯ จึงเสนอผู้ได้คะแนนสูงสุด คือ นายสุทัศน์

จากการพิจารณาวิสัยทัศน์พบว่า มีความสามารถบริหารองค์กรขนาดใหญ่ได้ดี และคะแนนที่เสนอมาไม่แตกต่างกันมาก ส่วนข้อครหาเรื่องผลประโยชน์ต่างๆ ของนายสุทัศน์ก่อนหน้านี้ ทางคณะกรรมการสรรหาฯ ได้ชี้แจงว่า ไม่มีหลักฐานที่จะบ่งบอกว่านายสุทัศน์มีพฤติกรรมดังกล่าว และเป็นเรื่องปกติที่มีการชิงตำแหน่งต่างๆ ก็จะมีสิ่งเหล่านี้ออกมา ทั้งนี้ มีผู้สมัครรับเลือกเป็นผู้ว่าการ กฟผ.ทั้งหมด 6 รายชื่อ เป็นคนใน 4 รายชื่อ คนนอก 2 รายชื่อ โดยนายสุทัศน์ มีอายุ 56 ปี และเริ่มทำงานกับ กฟผ.ในปี 2518

นายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ. กล่าวว่า สหภาพฯ ไม่คัดค้านนายสุทัศน์ แม้ก่อนหน้านี้มีการครหาว่าใกล้ชิดทางการเมืองก็ตาม เนื่องจากสหภาพฯ พร้อมรับการตัดสินใจของคณะกรรมการสรรหาฯ และทางผู้สมัครได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อพนักงานที่จัดขึ้นโดยสหภาพฯ ก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม การทำงานของผู้ว่าการ กฟผ.คนใหม่ สหภาพฯ จะจับตามองอย่างใกล้ชิด และหวังว่าจะไม่มีการเอื้อประโยชน์ต่อภาคเอกชนและการเมืองแต่อย่างใด