ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมูลค่า 12,900 ล้านบาท ทั้งปีคาดโต 5-6% แพนทีนรุกหนัก เปิดตัวอีก 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พีแอนด์จี เปิดเผยว่า ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมูลค่า 12,900 ล้านบาท มีการเติบโต 5-6% แบ่งเป็นแชมพู 9,200 ล้านบาท และคอนดิชันเนอร์ 3,700 ล้านบาท หรือแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อความงามมีสัดส่วน 67% ขจัดรังแค 37% และสำหรับเด็ก 2% ซึ่งในกลุ่มเพื่อความงามมีอัตราการเติบโตมากที่สุด
ทั้งนี้มองว่าการเติบโตดังกล่าวมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. นิวเพลเยอร์ อย่างกลุ่มคาโอ และการลงทุนมากขึ้นของกลุ่มยูนิลีเวอร์ และลอรีอัล 2.เรื่องของความสวยความงาม ที่ผู้บริโภคเริ่มมองเห็นความคุ้มค่าคุ้มราคากับแมสแบรนด์สูงขึ้น
โดยแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว มองว่าสิ่งสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมีอารมณ์ในการใช้จ่าย โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา พบว่าภาพรวมตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความงามทั้งหมด มีอัตราการเติบโตสูงถึง 9% ซึ่งหากแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ มั่นใจว่าไตรมาสสี่ ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมก็น่าจะยังรักษาการเติบโตได้ดี หรือทั้งปีจะเติบโตได้ที่ 5-6% แน่นอน
การแข่งขันของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในไตรมาสสี่นั้น จะมุ่งเน้นใน 3 เรื่อง คือ 1.อินโนเวชั่น 2.ความต้องการของผู้บริโภค 3.อินสโตร์ ซึ่งถือเป็นช่องทาง ณ จุดขาย ที่สำคัญที่แต่ละแบรนด์จะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น
โดยในส่วนของแพนทีน ที่ผ่านมามุ่งทำตลาดในส่วนของแชมพูมากกว่าคอนดิชันเนอร์ ส่งผลให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 14% จากปีก่อน 13% ถือเป็นแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตดีที่สุดในตลาดแชมพู ขณะที่แชมพูแบรนด์อื่นๆในกลุ่มพีแอนด์จี ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเท่าเดิม คือ รีจอยส์ 9%, เฮด แอนด์ โชว์เดอร์ 8%, เฮอบัล เอสเซ้นส์ 2% ส่วนในกลุ่มคอนดิชันเนอร์ แพนทีนมีส่วนแบ่ง 15.4% ตกลงจากปีก่อนอยู่ที่ 16.4% เนื่องจากไม่ค่อยเน้นทำตลาด โดยรีจอยส์มี 4.4%, เฮด แอนด์ โชว์เดอร์ 2% และเฮอบัล เอสเซ้นส์ 2.6%
ขณะที่แชมพูของทางค่ายยูนิลีเวอร์ ซันซิลมีส่วนแบ่งในตลาด 24.5%, โดฟ 8.6%, เคลียร์ 18.3% ซึ่งเคลียร์เป็นแบรนด์ที่โตสูงสุดของกลุ่ม จากปีก่อนอยู่ที่ 17.7% โดยกลุ่มคอนดิชันเนอร์ ซันซิลมีส่วนแบ่ง 29.3%, โดฟ 15.7% และเคลียร์ 2.2%
ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบเป็นคอร์ปอเรตแบรนด์ในตลาดรวมแล้ว ยูนิลีเวอร์ มีส่วนแบ่งตลาด 51% พีแอนด์จี 30% ลอรีอัล 7% และคาโอ 4.5% โดยเมื่อแยกออกมาเป็นกลุ่มแชมพูแล้ว พีแอนด์จี มีส่วนแบ่ง 33% จากปีก่อน 32% ส่วนกลุ่มคอนดิชันเนอร์ พีแอนด์จีมีส่วนแบ่ง 28.8% จาก 23.5% ในปีก่อน
นายเมธี กล่าวต่อว่า ล่าสุดทางแพนทีน เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ แพนทีน โปร-วี ในกลุ่ม แฮร์ ฟอล คอลโทรล และแพนทีน โปร-วี โพรเทค แอนด์ แคร์ แฮร์ โค้ท โดยใช้นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ มั่นใจว่าจะส่งให้ภาพรวมทั้งปี ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดูแลเส้นผมของพีแอนด์จี เติบโตได้มากกว่า 5-6% ซึ่งเป็นการเติบโตโดยเฉลี่ยของตลาดรวม ขณะที่ภาพรวมพีแอนด์จีทั้งปี มั่นใจว่าจะโตได้ที่ 5-6% เช่นเดียวกัน
นายเมธี จารุมณีโรจน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล เทรดดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ พีแอนด์จี เปิดเผยว่า ตลอด 8 เดือนที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมมูลค่า 12,900 ล้านบาท มีการเติบโต 5-6% แบ่งเป็นแชมพู 9,200 ล้านบาท และคอนดิชันเนอร์ 3,700 ล้านบาท หรือแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อความงามมีสัดส่วน 67% ขจัดรังแค 37% และสำหรับเด็ก 2% ซึ่งในกลุ่มเพื่อความงามมีอัตราการเติบโตมากที่สุด
ทั้งนี้มองว่าการเติบโตดังกล่าวมาจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ 1. นิวเพลเยอร์ อย่างกลุ่มคาโอ และการลงทุนมากขึ้นของกลุ่มยูนิลีเวอร์ และลอรีอัล 2.เรื่องของความสวยความงาม ที่ผู้บริโภคเริ่มมองเห็นความคุ้มค่าคุ้มราคากับแมสแบรนด์สูงขึ้น
โดยแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว มองว่าสิ่งสำคัญมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น ผู้บริโภคเริ่มมีอารมณ์ในการใช้จ่าย โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสามที่ผ่านมา พบว่าภาพรวมตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความงามทั้งหมด มีอัตราการเติบโตสูงถึง 9% ซึ่งหากแนวโน้มการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังดีแบบนี้ไปเรื่อยๆ มั่นใจว่าไตรมาสสี่ ภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมก็น่าจะยังรักษาการเติบโตได้ดี หรือทั้งปีจะเติบโตได้ที่ 5-6% แน่นอน
การแข่งขันของผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมในไตรมาสสี่นั้น จะมุ่งเน้นใน 3 เรื่อง คือ 1.อินโนเวชั่น 2.ความต้องการของผู้บริโภค 3.อินสโตร์ ซึ่งถือเป็นช่องทาง ณ จุดขาย ที่สำคัญที่แต่ละแบรนด์จะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น
โดยในส่วนของแพนทีน ที่ผ่านมามุ่งทำตลาดในส่วนของแชมพูมากกว่าคอนดิชันเนอร์ ส่งผลให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 14% จากปีก่อน 13% ถือเป็นแบรนด์ที่มีอัตราการเติบโตดีที่สุดในตลาดแชมพู ขณะที่แชมพูแบรนด์อื่นๆในกลุ่มพีแอนด์จี ยังคงมีส่วนแบ่งทางการตลาดเท่าเดิม คือ รีจอยส์ 9%, เฮด แอนด์ โชว์เดอร์ 8%, เฮอบัล เอสเซ้นส์ 2% ส่วนในกลุ่มคอนดิชันเนอร์ แพนทีนมีส่วนแบ่ง 15.4% ตกลงจากปีก่อนอยู่ที่ 16.4% เนื่องจากไม่ค่อยเน้นทำตลาด โดยรีจอยส์มี 4.4%, เฮด แอนด์ โชว์เดอร์ 2% และเฮอบัล เอสเซ้นส์ 2.6%
ขณะที่แชมพูของทางค่ายยูนิลีเวอร์ ซันซิลมีส่วนแบ่งในตลาด 24.5%, โดฟ 8.6%, เคลียร์ 18.3% ซึ่งเคลียร์เป็นแบรนด์ที่โตสูงสุดของกลุ่ม จากปีก่อนอยู่ที่ 17.7% โดยกลุ่มคอนดิชันเนอร์ ซันซิลมีส่วนแบ่ง 29.3%, โดฟ 15.7% และเคลียร์ 2.2%
ทั้งนี้เมื่อเปรียบเทียบเป็นคอร์ปอเรตแบรนด์ในตลาดรวมแล้ว ยูนิลีเวอร์ มีส่วนแบ่งตลาด 51% พีแอนด์จี 30% ลอรีอัล 7% และคาโอ 4.5% โดยเมื่อแยกออกมาเป็นกลุ่มแชมพูแล้ว พีแอนด์จี มีส่วนแบ่ง 33% จากปีก่อน 32% ส่วนกลุ่มคอนดิชันเนอร์ พีแอนด์จีมีส่วนแบ่ง 28.8% จาก 23.5% ในปีก่อน
นายเมธี กล่าวต่อว่า ล่าสุดทางแพนทีน เปิดตัว 2 ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ แพนทีน โปร-วี ในกลุ่ม แฮร์ ฟอล คอลโทรล และแพนทีน โปร-วี โพรเทค แอนด์ แคร์ แฮร์ โค้ท โดยใช้นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์ เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ มั่นใจว่าจะส่งให้ภาพรวมทั้งปี ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มดูแลเส้นผมของพีแอนด์จี เติบโตได้มากกว่า 5-6% ซึ่งเป็นการเติบโตโดยเฉลี่ยของตลาดรวม ขณะที่ภาพรวมพีแอนด์จีทั้งปี มั่นใจว่าจะโตได้ที่ 5-6% เช่นเดียวกัน
