สมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ โวย กระทรวงการท่องเที่ยวฯไม่จริงใจช่วยแก้ไขปัญหา เหตุพิจารณาให้อินเซนทีฟกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศไม่คืบ แถมทุกครั้งที่มีประชุมคณะกรรมการ ยังไร้เงา 2 หัวเรือใหญ่ “ชุมพล-ศศิธารา” ชี้ อุตสาหกรรมวิกฤตหนักในรอบ 10 ปี 3 ไตรมาสปีนี้มีรายได้แค่ 500 ล้านบาท ลดกว่าเท่าตัวจากปีก่อน นายกสมาคมฯออกโรงวิ่งเอง ร่อนหนังสือร้อง “กอร์ปศักดิ์” พร้อมเข้าพบ รมว.คลัง วันนี้
น.ส.ศศิสุภา สังวริบุตร นายกสมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เพื่อขอให้เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทุกภาคส่วนให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ให้สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาสภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักในปีนี้ โดยวันนี้ (14 ก.ย.) จะเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องการลดหย่อนภาษีให้แก่กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นอินเซนทีฟได้ทันช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดยจะไม่รอผลการตัดสินใจของคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ
***ชี้เป็นปีทำงานไม่คืบหน้า****
ทั้งนี้ เพราะมีการอนุมัติเป็นมติ ครม.ตั้งแต่ปี 2551 ที่ให้มีการคิดหาวิธีที่จะช่วยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย โดยมอบหมายให้ กระทรวงการท่องเที่ยวเป็นแม่งาน จัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหา และนำเสนอสิทธิประโยชน์ เพื่อจูงใจกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศให้เดินทางเข้ามา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรมใดๆออกมาให้เห็นเลย
“เราไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป เพราะธุรกิจกำลังทรุดหนัก 3 ไตรมาสมีเม็ดเงินเข้ามาถ่ายทำเพียง 500 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากปีก่อนทั้งปีสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้กว่า 2,000 ล้านบาท และที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์ฯทุกครั้ง จะไม่เคยเห็น ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯเข้ามานั่งประชุมด้วยเลย ทั้งที่ก็เป็นกรรมการอยู่ด้วย มีเพียงระดับอธิบดีเข้าร่วมประชุม หรือเห็นว่าภาระกิจหลักจะอยู่ที่ท่องเที่ยวกับกีฬา ส่วนภาพยนตร์เป็นเรื่องสุดท้าย ทั้งที่อุตสาหกรรมนี้ก็ช่วยด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน”
***กองถ่ายจี้ขออินเซนทีฟ*****
ปัจจุบันประเทศคู่แข่งขัน ต่างก็ทำตลาดเชิงรุก ให้อินเซนทีฟสร้างแรงจูงใจกันอย่างเข้มข้นทำให้กองถ่ายภาพยนตร์เลือกไปใช้บริการ เช่น มาเลเซีย รัฐบาลเขาประกาศให้ที่พักฟรีแก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ รวมถึงการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆให้ ส่วนออสสเตรเลีย แคนาดา ใช้มาตรการลดหย่อนภาษีแบบขั้นบันได้สูงสุด 60% คือ ถ้านำหนังเข้ามาถ่ายทำมากก็ลดภาษีได้มาก รวมถึงการอำนวยความสะดวกอื่นๆ ส่วนประเทศไทยไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า จะได้อินเซนทีฟใดๆ บ้าง โดยปีนี้ภาพยนตร์จากญี่ปุ่นมีเข้ามาถ่ายในประเทศไทยเพียง 46 เรื่อง จากทุกปีมีมากกว่า 150 เรื่อง ส่วนที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น กองถ่ายจากประเทศอังกฤษ อเมริกา ก็ทวงถามเรื่องอินเซนทีฟเพื่อประกอบการตัดสินใจเช่นกัน ถ้าเป็นเช่นนี้เชื่อว่าไทยจะสูญเสียโอกาสอีกมาก
ที่ผ่านมา คณะทำงานซึ่งมีทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันหารือ พร้อมสรุปใน 3 ประเด็นหลักพร้อมเสนอแก่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปนานแล้ว แล้ว เช่น 1.มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) 7% ให้แก่กองถ่ายทำ 2.ยกเว้นภาษีนักแสดงต่างชาติที่เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย 3.คืนภาษีในลักษณะ Tax Credit ซึ่งหมายถึง การคืนภาษีแบบขั้นบันได อย่างน้อย 15-20%
น.ส.ศศิสุภา สังวริบุตร นายกสมาคมผู้บริหารการผลิตภาพยนตร์ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึง นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรีในฐานะประธานกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ เพื่อขอให้เร่งรัดการดำเนินการปรับปรุงระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์ทุกภาคส่วนให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ให้สามารถนำมาใช้แก้ไขปัญหาสภาวะถดถอยของอุตสาหกรรมถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย ที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนักในปีนี้ โดยวันนี้ (14 ก.ย.) จะเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อขอให้ช่วยพิจารณาเรื่องการลดหย่อนภาษีให้แก่กองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศอย่างเร่งด่วน เพื่อเป็นอินเซนทีฟได้ทันช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ โดยจะไม่รอผลการตัดสินใจของคณะกรรมการภาพยนตร์และวีดิทัศน์แห่งชาติ
***ชี้เป็นปีทำงานไม่คืบหน้า****
ทั้งนี้ เพราะมีการอนุมัติเป็นมติ ครม.ตั้งแต่ปี 2551 ที่ให้มีการคิดหาวิธีที่จะช่วยอุตสาหกรรมภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย โดยมอบหมายให้ กระทรวงการท่องเที่ยวเป็นแม่งาน จัดทำแนวทางการแก้ไขปัญหา และนำเสนอสิทธิประโยชน์ เพื่อจูงใจกองถ่ายทำภาพยนตร์จากต่างประเทศให้เดินทางเข้ามา แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีแนวทางที่เป็นรูปธรรมใดๆออกมาให้เห็นเลย
“เราไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไป เพราะธุรกิจกำลังทรุดหนัก 3 ไตรมาสมีเม็ดเงินเข้ามาถ่ายทำเพียง 500 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 10 ปี จากปีก่อนทั้งปีสร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้กว่า 2,000 ล้านบาท และที่สำคัญในการประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์ฯทุกครั้ง จะไม่เคยเห็น ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯเข้ามานั่งประชุมด้วยเลย ทั้งที่ก็เป็นกรรมการอยู่ด้วย มีเพียงระดับอธิบดีเข้าร่วมประชุม หรือเห็นว่าภาระกิจหลักจะอยู่ที่ท่องเที่ยวกับกีฬา ส่วนภาพยนตร์เป็นเรื่องสุดท้าย ทั้งที่อุตสาหกรรมนี้ก็ช่วยด้านการท่องเที่ยวเช่นกัน”
***กองถ่ายจี้ขออินเซนทีฟ*****
ปัจจุบันประเทศคู่แข่งขัน ต่างก็ทำตลาดเชิงรุก ให้อินเซนทีฟสร้างแรงจูงใจกันอย่างเข้มข้นทำให้กองถ่ายภาพยนตร์เลือกไปใช้บริการ เช่น มาเลเซีย รัฐบาลเขาประกาศให้ที่พักฟรีแก่กองถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศ รวมถึงการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆให้ ส่วนออสสเตรเลีย แคนาดา ใช้มาตรการลดหย่อนภาษีแบบขั้นบันได้สูงสุด 60% คือ ถ้านำหนังเข้ามาถ่ายทำมากก็ลดภาษีได้มาก รวมถึงการอำนวยความสะดวกอื่นๆ ส่วนประเทศไทยไม่มีคำตอบที่ชัดเจนว่า จะได้อินเซนทีฟใดๆ บ้าง โดยปีนี้ภาพยนตร์จากญี่ปุ่นมีเข้ามาถ่ายในประเทศไทยเพียง 46 เรื่อง จากทุกปีมีมากกว่า 150 เรื่อง ส่วนที่อยู่ระหว่างการเจรจา เช่น กองถ่ายจากประเทศอังกฤษ อเมริกา ก็ทวงถามเรื่องอินเซนทีฟเพื่อประกอบการตัดสินใจเช่นกัน ถ้าเป็นเช่นนี้เชื่อว่าไทยจะสูญเสียโอกาสอีกมาก
ที่ผ่านมา คณะทำงานซึ่งมีทั้งภาครัฐและเอกชนได้ร่วมกันหารือ พร้อมสรุปใน 3 ประเด็นหลักพร้อมเสนอแก่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไปนานแล้ว แล้ว เช่น 1.มาตรการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม(VAT) 7% ให้แก่กองถ่ายทำ 2.ยกเว้นภาษีนักแสดงต่างชาติที่เดินทางเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย 3.คืนภาษีในลักษณะ Tax Credit ซึ่งหมายถึง การคืนภาษีแบบขั้นบันได อย่างน้อย 15-20%
