เป๊ปซี่ หนุนภาครัฐทบทวนโครงสร้างภาษีน้ำอัดลม หวังสร้างการแข่งขันน้ำอัดลมเป็นธรรมในตลาดเครื่องดื่ม โหนกระแสเอเชี่ยน ฟีเวอร์ ทุ่ม 50 ล้านบาท ระเบิดแคมเปญระดับรีจินัล “Pepsi Asian Music Batter” ชูเค-ป๊อป ซี-ป๊อป มั่นใจดันยอดโต 4% ปิดปากเงียบแนวโน้มน้ำตาลพุ่งกระทบต้นทุนจ่อคิวพุ่ง
นายเอริค กิจจาธนพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่ –โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเห็นด้วยที่ค่ายน้ำอัดลมคู่แข่งอย่างโค้ก ที่ต้องการให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมของไทย และมาตรการกำหนดราคาสินค้า จากปัจจุบันน้ำอัดลมถูกจัดเก็บภาษีกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย
และเป็นสินค้าเฝ้าระวังการปรับราคาขึ้นต้องยื่นขอต่อกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้น้ำอัดลมมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกันและส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม 3.5 หมื่นล้านบาท ให้เติบโต หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 3% และคาดว่าทั้งปีสภาพตลาดโต 3% และช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทย
อย่างไรก็ตามกรณีให้ภาครัฐทบทวนโครงสร้างภาษี แม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นทิศทางใด บริษัท ก็จะปฏิบัติตามกฎหมายที่ภาครัฐวางไว้ และยังคงมีแผนลงทุนในประเทศไทย โดยนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริม สุข จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ กล่าวว่า บริษัทเสริมสุขได้ปรับแผนลงทุนใหม่ จากภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีและตลาดน้ำอัดลมปีนี้เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จึงได้สั่งซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับกับความต้องการตลาดปีหน้า
สำหรับการตลาดบริษัทได้ทุ่มงบมากกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญระดับรีจินัล “Pepsi Asian Music Batter” นำกระแสเอเชียน ฟีเวอร์ เค-ป๊อป และซี-ป๊อป เพื่อรุกตลาดในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีสำหรับการนำเอเชี่ยน ฟีเวอร์ กลับมาทำแคมเปญครั้งใหญ่อีกครั้ง จากเมื่อปี 2547 เปิดแคมเปญ 4 หนุ่มเอฟโฟร์ โดยแคมเปญปีนี้ได้นำไอดอลเกาหลี 7 หนุ่มซูเปอร์จูเนียร์-เอ็ม
ลีจุนกิ และ 4ซูเปอร์สตาร์จากประเทศจีน นำทีมโดยกู่เทียนเล่อ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาในประเทศไทยและจีน
“กระแสเอเชี่ยน ฟีเวอร์ กำลังมาแรงสำหรับคนไทย โดยบริษัทคาดว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เปิดตัวแคมเปญ 4 หนุ่ม เอฟโฟร์ กระตุ้นยอดขายเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ส่วนแคมเปญครั้งนี้ คาดว่ากระตุ้นยอดขายเติบโต 4% ”
สำหรับปีนี้เป๊ปซี่ได้ดำเนินการตลาดอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเปิดตัวแคมเปญอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส พร้อมกันส่งบรรจุภัณฑ์ขนาดใหม่ๆ อาทิ 400 มล. 480 มล. หรือ 2 ลิตร รองรับกับปัจจัยลบที่รุมเร้า เศรษฐกิจ การเมือง และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกส่งผลให้ปัจจุบันเป๊ปซี่มีส่วนแบ่ง 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 53% โดยเฉพาะช่องทางร้านอาหารเป๊ปซี่มีส่วนแบ่งถึง 63.2% เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 3%
นายปริญญา กล่าวว่า ปัจจัยที่กังวลในขณะนี้ คือ สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยมากกว่า ส่วนกรณีแนวโน้มราคาน้ำตาลปรับเพิ่มขึ้น ยังไม่สามารถรู้ว่าจะกระทบต้นทุนมากน้อยแค่ไหน ส่วนกำไรครึ่งปีแรก 252 ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมา 108 ล้านบาท เติบโต 150% และคาดว่าทั้งปีกำไรเติบโตมากกว่า 100%
นายเอริค กิจจาธนพันธ์ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม บริษัท เป๊ปซี่ –โคล่า (ไทย) เทรดดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯเห็นด้วยที่ค่ายน้ำอัดลมคู่แข่งอย่างโค้ก ที่ต้องการให้รัฐบาลทบทวนนโยบายการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมของไทย และมาตรการกำหนดราคาสินค้า จากปัจจุบันน้ำอัดลมถูกจัดเก็บภาษีกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย
และเป็นสินค้าเฝ้าระวังการปรับราคาขึ้นต้องยื่นขอต่อกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้น้ำอัดลมมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมกันและส่งผลดีต่อภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มน้ำอัดลม 3.5 หมื่นล้านบาท ให้เติบโต หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกเติบโต 3% และคาดว่าทั้งปีสภาพตลาดโต 3% และช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนไทย
อย่างไรก็ตามกรณีให้ภาครัฐทบทวนโครงสร้างภาษี แม้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นทิศทางใด บริษัท ก็จะปฏิบัติตามกฎหมายที่ภาครัฐวางไว้ และยังคงมีแผนลงทุนในประเทศไทย โดยนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริม สุข จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเป๊ปซี่ กล่าวว่า บริษัทเสริมสุขได้ปรับแผนลงทุนใหม่ จากภาวะเศรษฐกิจเริ่มดีและตลาดน้ำอัดลมปีนี้เติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จึงได้สั่งซื้อเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิตรองรับกับความต้องการตลาดปีหน้า
สำหรับการตลาดบริษัทได้ทุ่มงบมากกว่า 50 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญระดับรีจินัล “Pepsi Asian Music Batter” นำกระแสเอเชียน ฟีเวอร์ เค-ป๊อป และซี-ป๊อป เพื่อรุกตลาดในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ และนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีสำหรับการนำเอเชี่ยน ฟีเวอร์ กลับมาทำแคมเปญครั้งใหญ่อีกครั้ง จากเมื่อปี 2547 เปิดแคมเปญ 4 หนุ่มเอฟโฟร์ โดยแคมเปญปีนี้ได้นำไอดอลเกาหลี 7 หนุ่มซูเปอร์จูเนียร์-เอ็ม
ลีจุนกิ และ 4ซูเปอร์สตาร์จากประเทศจีน นำทีมโดยกู่เทียนเล่อ เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาในประเทศไทยและจีน
“กระแสเอเชี่ยน ฟีเวอร์ กำลังมาแรงสำหรับคนไทย โดยบริษัทคาดว่าสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา เปิดตัวแคมเปญ 4 หนุ่ม เอฟโฟร์ กระตุ้นยอดขายเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ส่วนแคมเปญครั้งนี้ คาดว่ากระตุ้นยอดขายเติบโต 4% ”
สำหรับปีนี้เป๊ปซี่ได้ดำเนินการตลาดอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยเปิดตัวแคมเปญอย่างต่อเนื่องในทุกไตรมาส พร้อมกันส่งบรรจุภัณฑ์ขนาดใหม่ๆ อาทิ 400 มล. 480 มล. หรือ 2 ลิตร รองรับกับปัจจัยลบที่รุมเร้า เศรษฐกิจ การเมือง และจากการดำเนินการตลาดเชิงรุกส่งผลให้ปัจจุบันเป๊ปซี่มีส่วนแบ่ง 61% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 53% โดยเฉพาะช่องทางร้านอาหารเป๊ปซี่มีส่วนแบ่งถึง 63.2% เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 3%
นายปริญญา กล่าวว่า ปัจจัยที่กังวลในขณะนี้ คือ สถานการณ์การเมืองของประเทศไทยมากกว่า ส่วนกรณีแนวโน้มราคาน้ำตาลปรับเพิ่มขึ้น ยังไม่สามารถรู้ว่าจะกระทบต้นทุนมากน้อยแค่ไหน ส่วนกำไรครึ่งปีแรก 252 ล้านบาท เทียบกับปีที่ผ่านมา 108 ล้านบาท เติบโต 150% และคาดว่าทั้งปีกำไรเติบโตมากกว่า 100%