ธุรกิจขายตรง โดดสมรภูมิตลาดเจลล้างมือเต็มสูบ หลังไข้หวัด 2009 พลิกจากนิชมาร์เก็ตมาสู่คนใช้ทุกเพศทุกวัย พฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนใส่ใจการล้างมือ ทัพสินค้าแข่งเดือดจัดกิจกรรมป้อนข้อมูลป้องกันหวัด หวังสร้างแบรนด์รอยัลตี้ช่วงชิงลูกค้า “แอมเวย์-กิฟารีน” ระบุยอดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร วิตามิน โตพรวด
นายพงศ์ภสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ในประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดขายตรง ซึ่งปกติในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นฤดูกาลจำหน่ายสินค้าอยู่แล้ว มีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เจลล้างมือ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร วิตามินต่างๆ จากการที่ผู้ประกอบการธุรกิจขายหันมาโฟกัสตลาดดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากมีดีมานต์ในตลาดเป็นจำนวนมาก เพราะผู้บริโภคต้องการดูแลด้านสุขอนามัยและเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง
สำหรับตลาดเจลล้างมือ มองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต จากที่ผ่านมาเป็นสินค้านิชมาร์เก็ตหรือมีผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขอนามัยโดยเน้นที่ความสะดวกและใช้ได้ในทุกสถานที่ หรือโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน แต่จากการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ผลักดันให้เจลล้างมือกลายเป็นสินค้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคนทั่วไป หรือทุกเพศทุกวัยมากยิ่งขึ้น
“โดยกลุ่มเป้าหมายเจลล้างมือหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับธุรกิจขายตรง โดยมากเป็นระดับกลางขึ้นไป ซึ่งค่อนข้างมีกำลังการซื้อ เมื่อเทียบกับสินค้าจากผู้ประกอบการอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ยังมีทางเลือกสำหรับผู้มีกำลังการซื้อน้อย ในกลุ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์”
นายพงศ์ภสุ กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตเจลล้างมือและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร 2เท่าตัว เนื่องจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี กำลังการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยในช่วงเวลา 1 เดือนยอดขายเจลล้างมือของกิฟฟารีนเติบโต 2 เท่าตัว ส่วนกลุ่มสมุนไพรฟ้าทลายโจร กระเทียม วิตามิน เติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ประชาสัมพันธ์ ด้วยการป้อนข้อมูลและความรู้วิธีการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันให้ติดไข้หวัด 2009 ทั้งนี้คาดว่าระหว่างเดือนกรกฎาคม –กันยายน หรือระหว่างไตรมาส 3 ยอดขายเจลล้างมือ 15-30 ล้านบาท หรือประมาณ 5-10 ล้านบาทต่อเดือน จากในช่วงที่ผ่านมามียอดขาย 3-4 ล้านบาทต่อเดือน
สินค้แอมเวย์รับอานิสงส์หวัด2009
แหล่งข่าวจากบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงแอมเวย์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน และเครื่องกรองอากาศได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคใส่ใจดูแลด้านสุขภาพมากขึ้น ส่วนเจลล้างมือบริษัทไม่มีสินค้ากลุ่มนี้จำหน่าย โดยมีเพียงสินค้ายี่ห้อเซฟ เคล็นซ์ จากพันธมิตรทางธุรกิจขายผ่านช่องทางแคทตาล็อก
ล่าสุดได้จัดโปรโมชัน เครื่องกรองอากาศ 1 เครื่อง ราคา 39,472 บาท สำหรับนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกรับฟรี อาร์ทิสทรี ครีม แอล/เอ็กซ์ ขนาด 45 มล. มูลค่า 9,000 บาท และนิวทริไลท์ ดับเบิ้ลเอ็กซ์ มูลค่า 1,976 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 10,976 บาท อย่างไรก็ตาม ยอดขายของแอมเวย์ มีอัตราการเติบโต 10% ส่วนการดำเนินธุรกิจของแอมเวย์ มีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเคลื่อนไหวของผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงรายอื่นๆ อาทิ นูสกิน ได้เปิดตัวเจลล้างมือ”ซีออน แฮนด์ แซนนิไทเซอร์ ขนาด 100 มล. เข้ามาทำตลาดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 เช่น โดยได้ให้บริษัทเอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ เป็นผู้ผลิตให้ พร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรม เพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้บริโภคทั่วไป เช่นเดียวกับผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ เดทตอล โพรเทคส์ คิเรอิ คิเรอิ แข่งขันกันป้อนข้อมูลความรู้แก่กลุ่มผู้บริโภค เพื่อสร้างการรับรู้ กระตุ้นให้ทดลองใช้สินค้า และประการสำคัญช่วงชิงยอดขาย อย่างไรก็ตามแนวโน้มภาพรวมตลาดขายตรงปีนี้ จากการคาดการณ์ของ นางนลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทยว่า จะมีอัตราการเติบโต 7%
นายพงศ์ภสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงกิฟฟารีน เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ในประเทศไทย ส่งผลให้ตลาดขายตรง ซึ่งปกติในช่วงไตรมาส 3 และ 4 จะเป็นฤดูกาลจำหน่ายสินค้าอยู่แล้ว มีความคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เจลล้างมือ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร วิตามินต่างๆ จากการที่ผู้ประกอบการธุรกิจขายหันมาโฟกัสตลาดดังกล่าวมากขึ้น เนื่องจากมีดีมานต์ในตลาดเป็นจำนวนมาก เพราะผู้บริโภคต้องการดูแลด้านสุขอนามัยและเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง
สำหรับตลาดเจลล้างมือ มองว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพในอนาคต จากที่ผ่านมาเป็นสินค้านิชมาร์เก็ตหรือมีผู้ใช้เฉพาะกลุ่ม สำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขอนามัยโดยเน้นที่ความสะดวกและใช้ได้ในทุกสถานที่ หรือโดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน แต่จากการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ผลักดันให้เจลล้างมือกลายเป็นสินค้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคนทั่วไป หรือทุกเพศทุกวัยมากยิ่งขึ้น
“โดยกลุ่มเป้าหมายเจลล้างมือหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับธุรกิจขายตรง โดยมากเป็นระดับกลางขึ้นไป ซึ่งค่อนข้างมีกำลังการซื้อ เมื่อเทียบกับสินค้าจากผู้ประกอบการอุปโภคบริโภค นอกจากนี้ยังมีทางเลือกสำหรับผู้มีกำลังการซื้อน้อย ในกลุ่มสินค้าเฮาส์แบรนด์”
นายพงศ์ภสุ กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มกำลังการผลิตเจลล้างมือและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพร 2เท่าตัว เนื่องจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี กำลังการผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยในช่วงเวลา 1 เดือนยอดขายเจลล้างมือของกิฟฟารีนเติบโต 2 เท่าตัว ส่วนกลุ่มสมุนไพรฟ้าทลายโจร กระเทียม วิตามิน เติบโต 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ประชาสัมพันธ์ ด้วยการป้อนข้อมูลและความรู้วิธีการดูแลตัวเอง เพื่อป้องกันให้ติดไข้หวัด 2009 ทั้งนี้คาดว่าระหว่างเดือนกรกฎาคม –กันยายน หรือระหว่างไตรมาส 3 ยอดขายเจลล้างมือ 15-30 ล้านบาท หรือประมาณ 5-10 ล้านบาทต่อเดือน จากในช่วงที่ผ่านมามียอดขาย 3-4 ล้านบาทต่อเดือน
สินค้แอมเวย์รับอานิสงส์หวัด2009
แหล่งข่าวจากบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงแอมเวย์ กล่าวว่า การแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร วิตามิน และเครื่องกรองอากาศได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคใส่ใจดูแลด้านสุขภาพมากขึ้น ส่วนเจลล้างมือบริษัทไม่มีสินค้ากลุ่มนี้จำหน่าย โดยมีเพียงสินค้ายี่ห้อเซฟ เคล็นซ์ จากพันธมิตรทางธุรกิจขายผ่านช่องทางแคทตาล็อก
ล่าสุดได้จัดโปรโมชัน เครื่องกรองอากาศ 1 เครื่อง ราคา 39,472 บาท สำหรับนักธุรกิจแอมเวย์และสมาชิกรับฟรี อาร์ทิสทรี ครีม แอล/เอ็กซ์ ขนาด 45 มล. มูลค่า 9,000 บาท และนิวทริไลท์ ดับเบิ้ลเอ็กซ์ มูลค่า 1,976 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 10,976 บาท อย่างไรก็ตาม ยอดขายของแอมเวย์ มีอัตราการเติบโต 10% ส่วนการดำเนินธุรกิจของแอมเวย์ มีการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
สำหรับการเคลื่อนไหวของผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงรายอื่นๆ อาทิ นูสกิน ได้เปิดตัวเจลล้างมือ”ซีออน แฮนด์ แซนนิไทเซอร์ ขนาด 100 มล. เข้ามาทำตลาดในช่วงที่มีการแพร่ระบาดไข้หวัด 2009 เช่น โดยได้ให้บริษัทเอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ เป็นผู้ผลิตให้ พร้อมกันนี้ยังได้จัดกิจกรรม เพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้บริโภคทั่วไป เช่นเดียวกับผู้ประกอบการสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ เดทตอล โพรเทคส์ คิเรอิ คิเรอิ แข่งขันกันป้อนข้อมูลความรู้แก่กลุ่มผู้บริโภค เพื่อสร้างการรับรู้ กระตุ้นให้ทดลองใช้สินค้า และประการสำคัญช่วงชิงยอดขาย อย่างไรก็ตามแนวโน้มภาพรวมตลาดขายตรงปีนี้ จากการคาดการณ์ของ นางนลินี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทยว่า จะมีอัตราการเติบโต 7%