xs
xsm
sm
md
lg

ขุนคลังกล่อมต่างชาติคัมแบ็ก ย้ำ ศก.ไทยยังแข็งแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“กรณ์” เชิญชวนต่างชาติกลับมาลงทุนในไทย ย้ำเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง พร้อมให้ข้อมูลเพื่อใช้ในการตัดสินใจ ทั้งด้านนโยบายการเงิน และมาตรการกระตุ้น ศก.ของรัฐบาล โดนเฉพาะแผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน Euromoney Thailand Investment Forum ครั้งที่ 3 ซึ่งมีนักลงทุนต่างชาติเข้าร่วมงานจำนวนมาก โดยระบุว่า ประเทศไทยต้องเผชิญปัญหาทั้งการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจ แต่ก็มีความมั่นใจว่า นักลงทุนต่างชาติไม่ควรมองข้ามประเทศไทย ซึ่งการที่นักลงทุนต่างชาติมารับฟังข้อมูลวันนี้ ถือเป็นโอกาสที่จะรวบรวมข้อมูล เพื่อตัดสินใจเรื่องการลงทุน พร้อมหวังว่า นักลงทุนต่างชาติจะมั่นใจในประเทศไทย และกลับมาลงทุนเหมือนเดิม หากได้พิจารณาถึงศักยภาพของประเทศไทยและพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยที่ยังมีความแข็งแกร่ง

นายกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงถึงระดับ 400 จุด เมื่อปลายปี 2551 ขณะนี้หุ้นไทยกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ระดับกว่า 600 จุด ซึ่งน่าจะมาจากเหตุผล 3 ข้อ ได้แก่ 1.สภาพคล่องจากต่างประเทศไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย 2.นักลงทุนคาดหวังในทางที่ดีว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้น และ 3.มีความมั่นใจในภาคเอกชนมากขึ้นที่จะสามารถผ่านวิกฤตเศรษฐกิจได้

“แม้ว่าจีดีพีไตรมาส 1 จะติดลบถึงร้อยละ 7.1 ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดในรอบ 10 ปี แต่การที่รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจก็เป็นผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะที่ 1 ที่รัฐบาลดำเนินการไปเป็นการเพิ่มเม็ดเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มการจับจ่ายของประชาชนและเห็นผลของมาตรการแล้วประมาณร้อยละ 50 ในช่วงเดือนเมษายน 2552 ถึงเดือนสิงหาคม 2552 นี้”

หลังจากนั้น แผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะ 2 ที่รัฐบาลประกาศออกมาจะต่อเนื่องไปจนถึงเดือนกันยายน 2552 โดยแผนระยะ 2 เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะการสร้างถนนและรถไฟฟ้า แหล่งน้ำ พัฒนาการศึกษา และสาธารณสุข โดยจะมีการเพิ่มการจ้างงานประมาณ 1.5-2.0 ล้านคน และจะเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนมากขึ้น จากที่เคยมีส่วนร่วมเพียงร้อยละ 2 เป็นร้อยละ 10 เนื่องจากแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งปี 2555 จะมีโครงการถึง 500 โครงการที่รัฐบาลจะทำ

ส่วนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจระยะที่ 3 ทางรัฐบาลมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ไปศึกษา โดยจัดทำให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 ซึ่งเป็นแผนระยะยาว 5-10 ปี โดยจะเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทยให้แข็งแกร่งมากขึ้น เน้นกระทรวงศึกษาธิการ และเทคโนโลยีที่มีปัญหา ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับกระทรงการคลัง คือ เปิดเสรีภาคการเงินมากขึ้น โดยได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อปรับปรุงตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและระบบสถาบันการเงิน โดยจะเพิ่มคู่แข่งจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้มีมาตรฐานสูงขึ้นและเกิดการแข่งขันอย่างเสรีรับนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ โดยต้องอยู่บนพื้นฐานที่ยึดประโยชน์ของผู้ใช้บริการเป็นหลัก

นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ต้นสัปดาห์หน้าจะมีการนำ พ.ร.ก.กู้เงิน เข้าสภา และเชื่อว่า จะผ่านสภาได้ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้รัฐบาลกู้เงินได้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจตามแผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะเริ่มปลายปีนี้ และยอมรับว่ารัฐบาลต้องทำงบขาดดุลอีก 2 ปี (2553-2554) ประมาณ 400,000 ล้านบาท ทำให้หนี้ต่อจีดีพี สูงขึ้นเป็นร้อยละ 60 จากปัจจุบันร้อยละ 40 แต่มั่นใจว่า จะบริหารได้ไม่มีปัญหา
กำลังโหลดความคิดเห็น