โซนี่ผนึกบริษัทในเครือข่ายกลุ่มโซนี่ ลุยธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าเต็มสูบ ตบเท้าเปิดสินค้ากลุ่มเอวี ไอที กรำศึก หวังมัดใจขยายฐานกลุ่มคนรุ่นใหม่ เจาะลึกการตลาด เน้นหนักกิจกรรมส่งเสริมการขาย แยกทาร์เก็ตตามไลฟ์สไตล์ชัดเจน มั่นใจทั้งปี เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังสิ้นปีงบประมาณปี 51 ยอดการเติบโตลดลง
นายไทสุเกะ นากานิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่กลุ่มบริษัทโซนี่ทั่วโลกจะผนึกกำลังร่วมกันดำเนินธุรกิจกันมากยิ่งขึ้น เพราะมองเห็นแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงผู้เล่นในธุรกิจอื่น เช่น ออนไลน์ จะเข้ามาในตลาดนี้ด้วย ซึ่งจากความได้เปรียบของทางกลุ่มโซนี่ ที่มีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์
เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญให้โซนี่ประสบความสำเร็จได้ หรือสิ้นปีงบประมาณ 2552 นี้ คาดว่าโซนี่ ไทย จะมีอัตราการเติบโตที่ 10% เป็นอย่างน้อย
โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น จะมีการผนึกกำลังกันทั้งในส่วนของโซนี่ ไทย, โซนี่ พิคเจอร์, โซนี่ อีริคสัน รวมไปถึงโซนี่ มิวสิค ทั้งนี้เนื่องจากโซนี่ ไทย มีแผนที่จะเข้าถึงและขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมไปถึงให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิง เนื่องจากพบว่า ณ จุดขาย ผู้หญิงจะมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อมากกว่า โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าผู้หญิงสูงขึ้นเป็น 55% ส่วนชายเป็น 45% โดยในส่วนของผู้หญิงนั้น จะใช้กลยุทธ์คัลเลอร์ มาร์เก็ตติ้งมาใช้
อย่างไรก็ตามปีนี้ ทางโซนี่ จะมุ่งมั่นเติบโตขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสินค้ายุทธ์ศาสตร์ ทั้งแอลซีดี ทีวี, กล้อง ไซเบอร์ชอต, กล้อง อัลฟ่า และไวโอ้ ซึ่งทั้ง 4 ผลิตภัณฑ์นี้ ถือเป็นหัวหอกสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะมีอัตราการเติบโตสูง อีกทั้ง 4 สินค้านี้ยังติดท็อป3 ในแต่ละกลุ่มสินค้าด้วย
สำหรับสินค้าที่จะเปิดตัวใหม่ในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2552 นี้ ได้แก่ บราเวีย แอลซีดี ทีวี ขนาด 40 นิ้ว ใช้เทคโนโลยีขอบจอภาพแบบEdge LED, ไซเบอร์ ชอต DSC-HX1, แฮนดี้แคม HDR-XR520, กล้องอัลฟ่า 380, เครื่องเล่น วอล์คแมน รวมไปถึงโน๊ตบุคไวโอ้
นอกจากนี้ในแง่ของผู้บริโภค ปีนี้จะมีการแบ่งกลุ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากเดิมแบ่งตามอายุและเพศ มาเป็นตามรูปแบบไลฟ์สไตล์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 6 กลุ่ม คือ 1 ทัศนเทคโนโลยี 2. สื่อสารนิยม 3. ภาพลักษณ์เพื่ออัตลักษณ์ ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ ในประเทศไทยรวมแล้วมีกว่า 60% ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่โซนี่จะมุ่งทำการตลาดอย่างเต็มที่ และ4.กลุ่มปฏิบัตินิยม 5.อนุรักษ์นิยม และ 6.พอเพียงวิถี ซึ่งกลุ่มที่ 4-6 ในไทยมีเพียง 40%
ส่วนแผนการตลาด ปีนี้จะใช้เงินใกล้เคียงเท่าปีก่อน แต่จะปรับวิธีการใช้ เน้นเรื่องกิจกรรมตลาดและบีโลวเดอะไลน์ รวมไปถึงออนไลน์มากขึ้น เป็น 55% ส่วนอะโบฟเดอะไลน์ เหลือ 45%
นายไทสุเกะ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสิ้นปีงบประมาณ 2551 จากสภาพเศรษฐกิจและการที่โซนี่เลิกผลิตและจำหน่ายจอภาพแบบซีอาร์ที ส่งผลให้ภาพรวมรายได้มีอัตราการเติบโตลดลงไป 1 หลัก แต่ในภาพรวมแล้ว ยังถือว่าดีอยู่ เพราะมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าหัวหอก เช่น แอลซีดี ทีวี, ไวโอ้ รวมถึงไซเบอร์ชอต
นายไทสุเกะ นากานิชิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โซนี่ ไทย จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่กลุ่มบริษัทโซนี่ทั่วโลกจะผนึกกำลังร่วมกันดำเนินธุรกิจกันมากยิ่งขึ้น เพราะมองเห็นแนวโน้มการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงผู้เล่นในธุรกิจอื่น เช่น ออนไลน์ จะเข้ามาในตลาดนี้ด้วย ซึ่งจากความได้เปรียบของทางกลุ่มโซนี่ ที่มีทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟท์แวร์
เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญให้โซนี่ประสบความสำเร็จได้ หรือสิ้นปีงบประมาณ 2552 นี้ คาดว่าโซนี่ ไทย จะมีอัตราการเติบโตที่ 10% เป็นอย่างน้อย
โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น จะมีการผนึกกำลังกันทั้งในส่วนของโซนี่ ไทย, โซนี่ พิคเจอร์, โซนี่ อีริคสัน รวมไปถึงโซนี่ มิวสิค ทั้งนี้เนื่องจากโซนี่ ไทย มีแผนที่จะเข้าถึงและขยายฐานไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น รวมไปถึงให้ความสำคัญกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิง เนื่องจากพบว่า ณ จุดขาย ผู้หญิงจะมีอำนาจในการตัดสินใจซื้อมากกว่า โดยปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าผู้หญิงสูงขึ้นเป็น 55% ส่วนชายเป็น 45% โดยในส่วนของผู้หญิงนั้น จะใช้กลยุทธ์คัลเลอร์ มาร์เก็ตติ้งมาใช้
อย่างไรก็ตามปีนี้ ทางโซนี่ จะมุ่งมั่นเติบโตขึ้นเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มสินค้ายุทธ์ศาสตร์ ทั้งแอลซีดี ทีวี, กล้อง ไซเบอร์ชอต, กล้อง อัลฟ่า และไวโอ้ ซึ่งทั้ง 4 ผลิตภัณฑ์นี้ ถือเป็นหัวหอกสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพราะมีอัตราการเติบโตสูง อีกทั้ง 4 สินค้านี้ยังติดท็อป3 ในแต่ละกลุ่มสินค้าด้วย
สำหรับสินค้าที่จะเปิดตัวใหม่ในรอบครึ่งปีแรกของปีงบประมาณ 2552 นี้ ได้แก่ บราเวีย แอลซีดี ทีวี ขนาด 40 นิ้ว ใช้เทคโนโลยีขอบจอภาพแบบEdge LED, ไซเบอร์ ชอต DSC-HX1, แฮนดี้แคม HDR-XR520, กล้องอัลฟ่า 380, เครื่องเล่น วอล์คแมน รวมไปถึงโน๊ตบุคไวโอ้
นอกจากนี้ในแง่ของผู้บริโภค ปีนี้จะมีการแบ่งกลุ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้น จากเดิมแบ่งตามอายุและเพศ มาเป็นตามรูปแบบไลฟ์สไตล์ ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 6 กลุ่ม คือ 1 ทัศนเทคโนโลยี 2. สื่อสารนิยม 3. ภาพลักษณ์เพื่ออัตลักษณ์ ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ ในประเทศไทยรวมแล้วมีกว่า 60% ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่โซนี่จะมุ่งทำการตลาดอย่างเต็มที่ และ4.กลุ่มปฏิบัตินิยม 5.อนุรักษ์นิยม และ 6.พอเพียงวิถี ซึ่งกลุ่มที่ 4-6 ในไทยมีเพียง 40%
ส่วนแผนการตลาด ปีนี้จะใช้เงินใกล้เคียงเท่าปีก่อน แต่จะปรับวิธีการใช้ เน้นเรื่องกิจกรรมตลาดและบีโลวเดอะไลน์ รวมไปถึงออนไลน์มากขึ้น เป็น 55% ส่วนอะโบฟเดอะไลน์ เหลือ 45%
นายไทสุเกะ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามสิ้นปีงบประมาณ 2551 จากสภาพเศรษฐกิจและการที่โซนี่เลิกผลิตและจำหน่ายจอภาพแบบซีอาร์ที ส่งผลให้ภาพรวมรายได้มีอัตราการเติบโตลดลงไป 1 หลัก แต่ในภาพรวมแล้ว ยังถือว่าดีอยู่ เพราะมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าหัวหอก เช่น แอลซีดี ทีวี, ไวโอ้ รวมถึงไซเบอร์ชอต